บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (BA) ประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 อยู่ที่ 1,442.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 39.0 ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้รวม2,800.2 ล้านบาท ลดลง
ร้อยละ 61.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ว่า “บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,442.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 39.0 โดยบริษัทฯ มีการบริหารจัดการเส้นทางบินภายในประเทศและความถี่ ให้สอดคล้องกับข้อจำกัดในการเดินทางและปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสาร ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ - สมุย, กรุงเทพฯ - ภูเก็ต, กรุงเทพฯ – เชียงใหม่, กรุงเทพฯ - ลำปาง, กรุงเทพฯ – สุโขทัย, กรุงเทพฯ - ตราด และหาดใหญ่ - ภูเก็ต ซึ่งมีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นร้อยละ 102.4 และมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ร้อยละ 229.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 เป็นช่วงที่แต่ละประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประกอบกับในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 47.7 อยู่ที่ 1,936.6 ล้านบาท”
“สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,800.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 61.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากรายได้ของธุรกิจสายการบินลดลงร้อยละ 88.8, ธุรกิจสนามบินลดลงร้อยละ 85.3 และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบินและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ลดลงร้อยละ 39.5 ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 1,454.4 ล้านบาท เป็นผลขาดทุนส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เท่ากับ 1,431.6 ล้านบาท และเป็นผลขาดทุนต่อหุ้นเท่ากับ 0.69 บาท”
สำหรับมาตรการเฝ้าระวังและเตรียมการป้องกันการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในส่วนของสายการบิน และสนามบินของบริษัทฯ ทั้ง 3 แห่ง (สมุย สุโขทัย ตราด) ได้ยกระดับมาตรการโดยงดการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน และปิดให้บริการห้องรับรองผู้โดยสารเป็นการชั่วคราว รวมทั้งปฏิบัติตามข้อกำหนดของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในสุขอนามัยสูงสุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสาร
ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบิน และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เสนอขอยกเลิกสัญญาเช่าระยะยาว และสัญญาที่เกี่ยวข้องระหว่างบริษัทฯ กับกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย ซึ่งคงเหลือระยะเวลาเช่าตามสัญญาประมาณ 15.5 ปี เพื่อให้บริษัทฯ สามารถดำเนินกิจการสนามบินสมุยต่อไป โดยปราศจากภาระหน้าที่ต่อกองทุนรวมตามเงื่อนไขที่กำหนด ทำให้เกิดความคล่องตัวในการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ
นอกจากนี้ บริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด (BAC), บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด (BFS Ground) และบริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจี คาร์โก้ จำกัด (WFS-PG Cargo) ได้รับการปรับลดค่าเช่าพื้นที่ ในอัตราร้อยละ 50 และได้รับการยกเว้นการชำระผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ จากมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในสนามบิน
สำหรับธุรกิจการลงทุน ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ได้นำส่งแผนแม่บทสนามบินฉบับสมบูรณ์ให้แก่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณา และได้ว่าจ้างที่ปรึกษาซึ่งเป็นบริษัทออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีประสบการณ์ด้านการออกแบบสนามบินขนาดใหญ่ เพื่อออกแบบร่างขั้นตอนของอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่