กระทรวงพลังงาน เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง พร้อมผลักดันการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ และเกิดการจ้างงาน เพื่อร่วมแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 ต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือ“พลังงาน พลังใจ ขับเคลื่อนไทยให้ยั่งยืน” เดินหน้าเยียวยาสังคมครบทุกมิติ มาตรการลดค่าครองชีพ จ้างงาน และด้านสาธารณสุข พร้อมผลักดันเม็ดเงินลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีแรก 64 กว่า 1 แสนล้านบาท เกิดการจ้างงานรวมกว่า 36,000 ตำแหน่งพร้อมปรับนโยบายพลังงานเพื่อสร้างกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและการลงทุนของประเทศ ผ่าน 4 แผนพลังงานสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนประเทศฝ่าวิกฤตโควิด-19
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ รัฐบาลได้ร่วมบูรณาการหน่วยงานต่างๆ เพื่อเร่งแก้ปัญหาให้ครอบคลุมทั้งมิติด้านเศรษฐกิจและด้านสังคม เพื่อขับเคลื่อนประเทศฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ กระทรวงพลังงาน ได้ร่วมเป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ดังกล่าว และเยียวยาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมภายใต้ความร่วมมือ“พลังงาน พลังใจ ขับเคลื่อนไทยให้ยั่งยืน” ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดและรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงานมาอย่างต่อเนื่องเต็มกำลัง
โดยในมิติด้านเศรษฐกิจ ได้มีการผลักดันให้เกิดการลงทุนตามแผนการลงทุนปี 2564 กว่า 200,000 ล้านบาท เพื่อพยุงเศรษฐกิจของประเทศให้เดินไปข้างหน้า โดยในครึ่งปีแรกของปี 2564 (เดือนมกราคม-มิถุนายน2564) มีเม็ดเงินลงทุนไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท ผ่านโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานต่าง ๆ ของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของ กระทรวงพลังงาน คือ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมทั้งบริษัทในเครือ โดยในส่วนของ ปตท. มีโครงการลงทุนที่สำคัญ อาทิ โครงการสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวแห่งใหม่ จังหวัดระยอง โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่ 5 และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากสถานีควบคุมความดันก๊าซธรรมชาติ ราชบุรี - วังน้อยที่ 6 การติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) และการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ขณะที่โครงการสำคัญในส่วนของ กฟผ. อาทิโครงการโรงไฟฟ้าบางปะกง (ทดแทนเครื่อง1-2) โครงการขยายระบบส่งไฟฟ้า ระยะที่ 12 โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางและกรุงเทพฯ เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า เป็นต้น
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก กระทรวงพลังงาน โดย กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ยังสามารถจัดเก็บรายได้จากกิจการการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม กว่า 25,000 ล้านบาท นำส่งรัฐ ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญในการนำเงินดังกล่าวไปพัฒนาประเทศในช่วงเวลาวิกฤตินี้
โดยในมิติด้านสังคมได้ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย จัดทำโครงการเยียวยาอย่างรอบด้านทั้ง มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนด้านค่าใช้จ่ายพลังงาน ได้แก่ มาตรการลดค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมและเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนที่ผ่านมา และมีการลดค่าไฟฟ้าเพิ่มในรอบเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม หลังจากที่ยังคงมีการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ส่วนมาตรการด้านการจ้างงานสร้างอาชีพ โดยผลักดันให้เกิดการจ้างงานไปแล้วกว่า 36,000 ตำแหน่ง และยังจะมีการจ้างเพิ่มในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 อีก 2,300 ตำแหน่ง ตลอดจนมาตรการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวต่อว่านอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ยังได้เดินหน้านโยบายพลังงานที่มุ่งเน้นเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศใน 4 แผนด้านพลังงานหลักๆ ที่สำคัญ ได้แก่
(1) แผนพลังงานชาติ ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุนในโครงการพลังงานสีเขียวรองรับแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี
(2) แผนการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของโลก
(3) แผนการพัฒนาปิโตรเคมีระยะที่ 4 ซึ่งจะมุ่งสนับสนุนให้มีการขยายเพิ่มเติมจากโครงการเดิมในพื้นที่ EEC เพื่อสร้างฐานทางเศรษฐกิจใหม่(New S-Curve) และ
(4) แผนการส่งเสริมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากนำร่องจำนวน 150 เมกะวัตต์ ซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจกระจายลงสู่ในระดับรากหญ้าให้มากยิ่งขึ้น
“กระทรวงพลังงาน ยังคงเร่งดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้สถานการณ์โควิดที่ยังคงระบาดอย่างเต็มกำลัง เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และการช่วยเหลือและเยียวยาคุณภาพชีวิตประชาชน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวข้ามผ่านวิกฤตและก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งต่อไป” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าว