การระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 สายพันธ์เดลต้าในไทยเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มไปอยู่ที่ประมาณ 15,000 รายต่อวันในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2564 ในขณะที่ SET index ปรับตัวลดลง 4.1% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตามกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังคงประมาณการเติบโตเศรษฐกิจโลกที่6% ในปี 2564 โดยมีการเพิ่มประมาณการเติบโตของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ขณะเดียวกันได้ปรับลดประมาณการเติบโตของประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาลงจากตัวเลขที่ประกาศก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการเข้าถึงวัคซีนป้องกันCOVID-19 ที่ไม่เท่าเทียมกัน
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 SET Index ปิดที่ 1,521.92 จุด ลดลง 4.1% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า เมื่อพิจาณาช่วง7 เดือนแรกปี 2564 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 5.0% ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มบริการ
ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 SET Index ปิดที่ 1,521.92 จุด ลดลง 4.1% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า โดยใน 7 เดือนแรกปี2564 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 5.0% ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค
ในเดือนกรกฎาคม 2564 หลายอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มบริการ
โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 84,941 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.7% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนโดยใน 7 เดือนแรกปี 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 96,388 ล้านบาท
ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยในเดือนกรกฎาคม 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 17,741 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วง 7 เดือนแรกปี 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 95,558 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ 129,185 ล้านบาท นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับในเดือนกรกฎาคม 2564 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 3 บริษัท และ 1 ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนของ mai 1 บริษัท โดยใน 7 เดือนแรกปี 2564 SET มีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN
Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 18.0 เท่า และ 27.0 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.3 เท่า และ 19.6 เท่าตามลำดับ
โดยอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 2.55% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.35%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือนกรกฎาคม 2564 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 423,066 สัญญา ลดลง 34.2% จากเดือนก่อน และในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2564 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 542,283 สัญญา เพิ่มขึ้น 12.0% จากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures เป็นสำคัญ