นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM BANK) เปิดเผยภายหลังการหารือกับนางคิมเบอร์ลี่รีด ประธานและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งสหรัฐอเมริกา(U.S. EXIM Bank) ในโอกาสเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่35 และการประชุมธุรกิจอินโด-แปซิฟิกประจำปี2562 (2019 Indo-Pacific Business Forum) ณโรงแรมคอนราดกรุงเทพฯเมื่อวันที่3 พฤศจิกายน2562 ว่า EXIM BANK ได้หารือกับU.S. EXIM Bank ถึงแนวทางส่งเสริมและสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐฯรวมทั้งการเข้าไปค้าขายหรือลงทุนร่วมกันในประเทศที่สามโดยEXIM BANK มียุทธศาสตร์และแนวทางการดำเนินงานในเชิงรุกเพื่อสร้างโอกาสการค้าการลงทุนใหม่ๆให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพในการเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจกับสหรัฐฯโดยเฉพาะในปัจจุบันความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐฯมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเป็นลำดับสะท้อนได้จากมูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นจาก1 ล้านล้านบาทมาอยู่ที่ราว1.4 ล้านล้านบาทในช่วง10 ปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกับมูลค่าการลงทุนโดยตรงสะสมระหว่างทั้งสองประเทศก็เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
“EXIM BANK และU.S. EXIM Bank ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและเป็นสากลทั้งสองหน่วยงานพร้อมขยายความร่วมมือระหว่างกันในหลากหลายมิติโดยเฉพาะการสนับสนุนทางการเงินเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นในระยะยาวโดยยึดมั่นในหลักการดำเนินกิจการที่ดีเพื่อรักษาผลประโยชน์ร่วมกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนในสังคมและประชาคมโลก” นายพิศิษฐ์กล่าว
ทั้งนี้ปัจจุบันสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกอันดับ1 ของไทยและเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ3 ของไทยรองจากจีนและญี่ปุ่นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปสหรัฐฯได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยางอัญมณีและเครื่องประดับรถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องจักรและส่วนประกอบของเครื่องจักรกลสินค้าที่ไทยนำเข้าจากสหรัฐฯได้แก่ น้ำมันดิบเคมีภัณฑ์และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบแผงวงจรไฟฟ้าพืชและผลิตภัณฑ์จากพืชในด้านการลงทุนสหรัฐฯเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ4 ของไทยรองจากญี่ปุ่นสิงคโปร์และฮ่องกงขณะที่สหรัฐฯเป็นประเทศเป้าหมายที่ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศมากเป็นอันดับ5