บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ รายงานมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เรื่องการปรับรายละเอียดการออกหุ้นเพิ่มทุน (แทนมติเดิม เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564) เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 34/2551 เรื่อง การขออนุญาตและการอนุญาตให้เสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่ออกใหม่และหุ้นที่ออกใหม่เพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิ ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2551 (และที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) ที่จำนวนหุ้นทั้งหมดที่สำรองไว้เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ทุกรุ่นของบริษัทรวมกันไม่เกินร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท
จากมติคณะกรรมการบริษัทรายละเอียดใหม่ของการออกหุ้นเพิ่มทุน คือ เพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ จำนวน 5,074,581,513 บาท จากเดิม 5,074,581,515 บาท เป็นจำนวน 10,149,163,028 บาท ในมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเพิ่มทุนในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน หรือจำนวนไม่เกิน 1,691,527,171 หุ้น เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 5 บาท โดยจะไม่จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนนี้แก่ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทฯ มีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ ผู้ถือหุ้นสามารถจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่เกินสิทธิของตนได้ (Oversubscription) สำหรับผู้ถือหุ้นที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้จะได้รับใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ 2 รุ่นคือ BANPU-W4 และ BANPU-W5 ชนิดระบุชื่อผู้ถือและโอนเปลี่ยนมือได้ ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อ 1 หน่วยใบสําคัญแสดงสิทธิของแต่ละรุ่น โดยมีราคาใช้สิทธิในแต่ละรุ่นที่ 5 บาทต่อหุ้น และ 7.5 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ และจะมีการนำ BANPU-W4 และ BANPU-W5 เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
• จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,691,527,171 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 5 บาท
• จัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 4 (BANPU-W4) จำนวนไม่เกิน 1,691,527,171 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน ในอัตราส่วน 1 หุ้นเพิ่มทุน ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า โดยใบสำคัญแสดงสิทธิ BANPU-W4 จะมีอายุ 1 ปีนับแต่วันที่ออก และมีราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นตามใบสำคัญแสดงสิทธิ BANPU-W4 เท่ากับ 5 บาทต่อหุ้น
• จัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 5 (BANPU-W5) จำนวนไม่เกิน 1,691,527,171 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญ เพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน ในอัตราส่วน 1 หุ้นเพิ่มทุน ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า โดยใบสำคัญแสดงสิทธิ BANPU-W5 จะมีอายุ 2 ปีนับแต่วันที่ออก และมีราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นตามใบสำคัญแสดงสิทธิ BANPU-W5 เท่ากับ 7.50 บาทต่อหุ้น
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “คณะกรรมการบริษัทพิจารณาไตร่ตรองการปรับรายละเอียดการออกหุ้นเพิ่มทุนอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ โดยการปรับอัตราส่วนหุ้นเพิ่มทุนเป็น 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน พร้อมกับมอบใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ 2 รุ่นคือ BANPU-W4 และ BANPU-W5 ซึ่งนับเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหุ้น เนื่องจากระยะเวลาการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิเป็นหุ้นที่สั้นลง พร้อมกันนี้ผู้ถือหุ้นยังได้รับผลประโยชน์ด้านต้นทุนในการแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิเป็นหุ้นที่ต่ำลง ทั้งนี้ เงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุน บ้านปูจะนำไปลงทุนเพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน (Smarter Energy for Sustainability) รวมทั้งสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนในระยะยาว”
บ้านปูจะนำเสนอมติคณะกรรมการบริษัทดังกล่าวต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (Extraordinary General Meeting: EGM) ครั้งที่ 1 ประจําปี 2564 ให้พิจารณาอนุมัติ ในจันทร์ที่ 9 สิงหาคม 2564 เวลา 13.00 น. ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นบ้านปูที่จะได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน จะต้องถือครองหุ้นบ้านปูให้เสร็จสิ้นก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XR ในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 หรือภายในวันที่ 13 สิงหาคม 2564 โดยมีระยะการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ระหว่างวันที่ 6-17 กันยายน 2564
การวางแผนกลยุทธ์การจัดสรรเงินลงทุนในครั้งนี้เป็นไปเพื่อการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนที่สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานโลกและหลัก ESG ซึ่งคำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ความรับผิดชอบต่อสังคม (Social) และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) ของ 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายการมี EBITDA จากธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานในสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2568