ก.ล.ต. เปิดทาง REIT buy-back ลงทุนสิทธิการเช่าได้ เพิ่มความยืดหยุ่นจากเดิมลงทุนในกรรมสิทธิ์เท่านั้น

..ปรับปรุงเกณฑ์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีข้อกำหนดขายคืน (REIT buy-back) ให้ครอบคลุมทั้งการลงทุนในสิทธิการเช่า (leasehold) ที่มีข้อตกลงในการบอกเลิกสัญญาภายในวันเวลาและตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (freehold) ที่มีข้อกำหนดในการขายคืน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและเพิ่มความยืดหยุ่นในการระดมทุน 

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (...)ได้ออกหลักเกณฑ์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สามารถนำอสังหาริมทรัพย์ของกิจการมาระดมทุนผ่านทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยลงทุนในกรรมสิทธิ์ (freehold) ที่มีข้อตกลงที่จะซื้อทรัพย์สินคืนเพื่อรักษาความเป็นเจ้าของในทรัพย์สินเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นได้ หรือที่เรียกว่า REIT buy-back โดยมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 นั้นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการระดมทุนผ่าน REIT buy-back ..จึงได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้ครอบคลุมถึงการลงทุนในสิทธิการเช่า (leasehold) ด้วย โดยคู่สัญญาระหว่างเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แบบถือครองสิทธิการเช่า (ในฐานะผู้ให้เช่ากับ REIT (ในฐานะผู้เช่าสามารถทำข้อตกลงให้สิทธิฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการบอกเลิกสัญญาภายในวันเวลาและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และให้ REIT มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเมื่อ มีการใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าตามเงื่อนไข  

ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ REIT buy-back ที่ลงทุนใน leasehold จะเป็นไปในแนวทางเดียวกับการลงทุนใน freehold ได้แก่ การจัดตั้ง REIT buy-back รูปแบบของข้อตกลงต่าง  ข้อกำหนดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และการจัดหาผลประโยชน์ และการเปิดเผยข้อมูล โดยหลักเกณฑ์ที่ปรับปรุงแล้วจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม2564 เป็นต้นไป

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ..กล่าวว่า “..มุ่งหวังให้ตลาดทุนมีส่วนช่วยเหลือกิจการที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอันเนื่องมาจากสถานการณ์ COVID-19 ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อให้สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ อีกทั้งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพผ่าน REIT buy-back”