บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ในเครืองสิงห์ เอสเตท ได้ลงนามในสัญญาจัดจำหน่ายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) มูลค่า 7,475 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทลงทุนและบริหารโรงแรมที่เติบโตสูงที่สุด โดยได้จัดสรรหุ้นจำนวนไม่เกิน 1,437,456,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 40 ของหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้ว ให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เดินสายโรดโชว์ก่อนเคาะราคา IPO หลังสำรวจความต้องการจองซื้อหุ้น SHR ของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) ที่ 5.2 บาท/หุ้น แสดงให้เห็นถึงความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้พบว่านักลงทุนรายย่อยในประเทศไทยให้ความสนใจในหุ้น SHR เป็นจำนวนมาก ท่ามกลางสภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่มีความผันผวน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่มีความแข็งแกร่ง และความสามารถในการสร้างความเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
ในการนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เครดิตสวิส ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย อีก 4 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โดยมีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนจำหน่ายหุ้น โดย SHR เตรียมพร้อมเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในกลางเดือนพฤศจิกายน 2562
เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เริ่มเปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น จนถึง 30 ตุลาคม 2562 และสำหรับนักลงทุนรายย่อย ระหว่างวันที่ 1-5 พฤศจิกายน 2562 ผ่าน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขา รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย อีก 4 แห่ง
นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวขอบคุณนักลงทุนทุกท่านทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพของ SHR ในฐานะบริษัทลงทุนและบริหารโรงแรมที่มีอัตรา
เติบโตสูงสุด เมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมโรงแรมที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
“SHR เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่มีการเติบโตอย่างสูง ในการลงทุนและบริหารโรงแรมและรีสอร์ทในแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่น่าสนใจ เราเน้นการทดลองและสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใครและตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างมากที่สุด อีกทั้งยังสร้างมูลค่าให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราทุกฝ่าย ซึ่งเรามีเป้าหมายที่จะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ที่มีคุณภาพ ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ และยกระดับการกำกับดูแลกิจการ”
นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน IPO ไปใช้ในการขยายธุรกิจโรงแรมและลงทุนในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเงินที่ระดมทุนมานั้น จะนำไปชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับกิจการทั่วไป ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโครงการและค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง
“SHR มีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจโรงแรมอีกกว่าเท่าตัว จากจำนวนโรงแรมและรีสอร์ท 39 แห่ง มีจำนวนห้องพัก 4,647 ห้อง เป็น 80 แห่ง ห้องพักมากกว่า 8,000 ห้อง ภายในปี 2568 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ15 ต่อปี” นายชัยรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ SHR ถือเป็นธุรกิจที่สามของ สิงห์ เอสเตท ที่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากธุรกิจที่พักอาศัย ที่ได้นำบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทแรก ตามด้วยกองทรัสต์ SPRIME สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงาน เมื่อต้นปี 2562 ที่ผ่านมา
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2559-2561 มีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 63.1% ต่อปี โดยมีรายได้รวม เท่ากับ 968.0 ล้านบาท 1,074.0 ล้านบาท และ 2,575.7 ล้านบาท ตามลำดับ โดยครึ่งปีแรกของปี 2562 มีรายได้ที่ 1,751.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 715.6 ล้านบาท ของงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นร้อยละ 144.8 ส่วนกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ยและภาษี ไม่นับรวมรายการพิเศษ (EBITDA) ของ SHR เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 58.5% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2559 ปี 2560 และปี 2561 EBITDA ตามงบการเงินรวมของ SHR เท่ากับ 348.9 ล้านบาท 514.3 ล้านบาท และ 877.4 ล้านบาท ตามลำดับ โดยครึ่งปีแรกของปี 2562 มี EBITDA เท่ากับ 461.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 266.0 ล้านบาทของงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็น 73.5% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้และ EBITDA ของ SHR ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มาจากผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการบริการงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งรายได้จากการซื้อโรงแรม Outrigger 6 แห่ง
ผู้สนใจลงทุนสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.shotelsresorts.com/