ก.ล.ต.กล่าวโทษ Binance กรณีประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

ก.ล.ต. กล่าวโทษ Binance ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแจ้งเบาะแสและตรวจพบว่า Binance ได้มีการให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการจับคู่หรือหาคู่สัญญาให้ หรือการจัดระบบหรืออำนวยความสะดวกให้ผู้ซึ่งประสงค์จะซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถทำความตกลงหรือจับคู่กันได้ผ่านเว็บไซต์ของ Binance โดยมีการชักชวนให้ประชาชนและผู้ลงทุนไทยเข้าใช้บริการไม่ว่าจะทางเว็บไซต์ของ Binance และเพจเฟซบุ๊ก Binance Thai Community และเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 ก.ล.ต. ได้มีหนังสือไปยัง Binance ให้ชี้แจงข้อมูลต่อ ก.ล.ต. แต่ Binance ไม่ได้ชี้แจงภายในระยะเวลาที่กำหนด

การกระทำของ Binance ข้างต้นเข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับใบอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 26 ซึ่งเป็นความผิดและมีโทษตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ก. ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน  ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษ Binance ต่อ บก.ปอศ. เพื่อให้สอบสวนและดำเนินคดีต่อไป

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวนและการสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ

ก.ล.ต. ขอย้ำว่า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ผู้ที่ให้บริการซื้อขาย แลกเปลี่ยน รับฝาก โอน ถอนเงิน หรือทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องเป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนอาจต้องรับโทษตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ผู้ซื้อขายสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตได้ที่ www.sec.or.th และแอปพลิเคชัน “SEC Check First” นอกจากนี้ หากมีข้อสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการดำเนินการที่น่าสงสัย โปรดแจ้งที่สายด่วนศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต. โทร. 1207 เพื่อการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป