บมจ. ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เดินเกมรุกปรับโมเดล ต่อยอดธุรกิจ New S-curve สู่การเติบโตครั้งใหม่
สบช่องแตกไลน์ธุรกิจ Medical ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์จากพลาสติกใช้แล้วทิ้ง
ส่งซิกเตรียมเปิดตลาดQ4/64 ก่อนลงสนามเต็มสูบ ในปี 65 มั่นใจภายใน 3 ปี ปั้นรายได้เข้ากระเป๋าเพิ่ม 1,000
ล้านบาท พร้อมระบุ 24 มิ.ย.นี้
ขอเสียงโหวตผู้ถือหุ้นออกวอร์แรนต์
3:1 จำนวนไม่เกิน 191.35 ล้านหน่วย หวังเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
รองรับการขยายกิจการการลงทุนใหม่ในอนาคต
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทขวดและฝาและชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับยานยนต์
เปิดเผยว่า บริษัทฯเดินหน้าปรับกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ โดยมุ่งสู่การต่อยอดในการสร้างมูลค่าเพิ่ม
เพื่อให้บริษัทฯมีอัตราการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต ล่าสุดได้แตกไลน์ธุรกิจขยายการลงทุนทางด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กลุ่ม Medical
เครื่องมือทางการแพทย์จากพลาสติกใช้แล้วทิ้ง อาทิ ไซริงค์พลาสติก,
วาล์ว สายน้ำเกลือ, เข็มฉีดยา
รวมถึงเครื่องมือแพทย์อื่นๆ เพื่อสร้างการเติบโตรอบใหม่ (New S-curve) ให้กับบริษัทฯในอนาคต โดยบริษัทฯได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนมาต่อเนื่อง
ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่าตลาดในอุตสาหกรรมดังกล่าว
มีมาร์จิ้นและแนวโน้มการเติบโตสูง โดยจะเห็นได้จากอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10-15
% ต่อปี จากมูลค่าตลาดในประเทศไทยที่เป็นหลักหลายหมื่นล้านบาท
ส่วนงบการลงทุนในการซื้อเครื่องจักรใหม่
รวมถึงการปรับปรุงพื้นที่โซนการผลิต Medical นั้น บริษัทฯ จะนำเสนอกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาให้ความเห็นและอนุมัติในการประชุมคณะกรรมการต่อไป
ทั้งนี้หากแผนการพิจารณามีความชัดเจน บริษัทฯ ก็สามารถดำเนินการผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส
1/2565 ส่งผลให้ในขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเร่งวางแผนทำการตลาดในการเตรียมนำเข้าผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวมาจำหน่ายให้ทันภายในไตรมาส4/2564 เพื่อทำการตลาด ในเบื้องต้น ก่อนที่จะผลิตและจำหน่ายในเชิงรุกช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
โดยบริษัทฯ จะเน้นเจาะกลุ่มโรงพยาบาล และ ร้านเวชภัณฑ์ ในประเทศเป็นหลัก ทำให้ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯจะเริ่มมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้ามา
และจะมีรายได้จากการผลิตและจำหน่ายเข้ามาชัดเจน ตั้งแต่ไตรมาส 1/2565 เป็นต้นไป
จากประเด็นในข้างต้น
ส่งผลให้บริษัทฯตั้งเป้าในปี 2565 จะรับรู้รายจากธุรกิจดังกล่าวเข้ามากว่า
300 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท
ในปี 2567 เนื่องจากบริษัทฯจะรุกตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากตลาดในประเทศ
โดยการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวจะสอดรับกับนโยบาย ที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของประเทศในภูมิภาค
(Medical Hub) ในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์
ทุ่นลอยน้ำ เพื่อรองรับการลงทุนโครงการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนน้ำ (Floating Solar) โดยจะเริ่มผลิตและจำหน่ายในปี 2565 เนื่องจากมองว่าผลิตภัณฑ์นี้
มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดวิกฤติการณ์โลกร้อนในช่วงที่ผ่านมา
ส่งผลให้ทุกประเทศทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญนโยบายส่งเสริมและพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดมากขึ้น
บริษัทฯ จึงเล็งเห็นถึงความต้องการของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
“บริษัทฯ เดินหน้าสู่เป้าหมาย
New
S-curve มุ่งแตกไลน์ธุรกิจใหม่ เพื่อต่อยอดมูลค่าเพิ่มในธุรกิจเดิม
โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 กลุ่ม คือ
เครื่องมือทางการแพทย์จากพลาสติกใช้แล้วทิ้ง และผลิตภัณฑ์ทุ่นลอยน้ำ เนื่องจากทั้ง
2 ผลิตภัณฑ์ ยังมีดีมานด์การเติบโตอย่างต่อเนื่องและได้รับอานิสงส์จากนโยบายการ กรณีที่ประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็น Medical
Hub รวมถึงนโยบายการส่งเสริมโครงการพลังงานสะอาด ดังนั้นโดยส่วนตัวมองว่า
การต่อจิ๊กซอว์โมเดลทางธุรกิจในครั้งนี้จะหนุนให้บริษัทฯมีแนวโน้มการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ”
สำหรับภาพรวมธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 5 -10% จากทิศทางการฟื้นตัวของทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ คือ กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นพลาสติก
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก และธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย
ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกในครึ่งปีหลังปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ
มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี
ทำให้สามารถลดภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายในปีนี้ได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ในวันที่
24 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ จัดประชุมผู้ถือหุ้น
เพื่อขอพิจารณาอนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ
ครั้งที่1 (PJW-W1) จำนวนไม่เกิน 191.35 ล้านหน่วย
เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่คิดมูลค่า 3
หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ อายุ 3
ปี มีราคาใช้สิทธิแปลงสภาพที่ 3 บาทต่อหุ้น
เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ PJW-W1
โดยเม็ดเงินที่ได้จากการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญครั้งนี้
เป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
เพื่อรองรับการขยายกิจการการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทฯในอนาคต
ในการนำไปเป็นเงินทุนในการขยายและต่อยอดการลงทุนของบริษัทฯสำหรับการขยายและต่อยอดในธุรกิจ
New S-curve