บมจ. ซีพี ออลล์ (CP ALL) ปิดการขายหุ้นกู้ 7 ชุด รวมมูลค่า 66,000 ล้านบาท ตามเป้าหมาย หลังเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ เมื่อวันที่ 11 และ 14–15 มิถุนายนที่ผ่านมา ปลื้มผู้ลงทุนให้การตอบรับดี ตอกย้ำความเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจและกลยุทธ์การเติบโต
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP ALL เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 และ 14-15 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทฯ เสนอขายหุ้นกู้ทั้งหมด 7 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.40% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90% ต่อปี โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1-3 เสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป และหุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.53% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.76% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 6 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.14% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 7 อายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.20% ต่อปี โดยหุ้นกู้ชุดที่ 4-7 เสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 10 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนและปิดการเสนอขายหุ้นกู้ทั้งหมดได้ตามเป้าหมาย รวมมูลค่า 66,000 ล้านบาท ทางบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณสถาบันการเงินทั้ง 10 ราย และผู้ลงทุนทุกท่านที่สนับสนุนให้การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี ผลตอบรับจากนักลงทุนดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในบริษัทฯ ที่เป็นผู้นำธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศไทย มีฐานะการเงินที่มั่นคง และเป็นบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ หุ้นกู้ของบริษัทฯ ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เป็นการตอกย้ำศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทฯ จากความเชี่ยวชาญในธุรกิจค้าปลีก
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นผลักดันผลการดำเนินงานให้กลับมาเติบโต พร้อมทั้งมุ่งคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมด้านการบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ตลอดจนบริหารต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
“จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดCOVID-19 เราจึงมุ่งเน้นการใช้
กลยุทธ์ O2O จำหน่ายสินค้าทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและสามารถนำเสนอการให้บริการแก่ลูกค้าได้จากหลากหลายช่องทางเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เช่น บริการออลล์ ออนไลน์ (ALL Online) บริการ 7-Eleven Delivery และ 24 Shopping โดยยังมีแผนการขยายสาขาอยู่อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดสาขาในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว หากสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย ซึ่งการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทฯจะนำเงินไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2564 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถปรับโครงสร้างทางการเงินได้อย่างเหมาะสม และมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงขึ้น” นายเกรียงชัย กล่าว
ด้านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ซีพี ออลล์ ในครั้งนี้เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบัน ทำให้นักลงทุนต้องพิจารณาในเรื่องการลงทุนมากขึ้น และเลือกลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทที่มีความมั่นคงสูง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ซึ่งหุ้นกู้ ซีพี ออลล์ สามารถตอบโจทย์ต่างๆ เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากผู้ลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ ขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนยังมีความสนใจลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่ง ซีพี ออลล์ ได้ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอด และได้กำหนดเป็นพันธกิจของบริษัทฯ ภายใต้กลยุทธ์เซเว่น โก กรีน (7 Go Green) ได้แก่ Green Building คือการออกแบบร้านค้าให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Green Logistic การจัดระบบขนส่งและกระจายสินค้าที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Green Store การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกผ่านแนวคิด “ลด และ ทดแทน” และ Green Living เพื่อปลูกจิตสำนึกเพื่อสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสนับสนุนให้การเสนอขายหุ้นกู้ “ซีพี ออลล์” ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ