“หุ้นกลุ่มธุรกิจกัญชาทะยานตัว หลังเกิดการควบรวมบริษัทหลายแห่งในต่างประเทศ สร้างการเติบโตในอุตสาหกรรมพืชกัญชาและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง บลจ.วี แนะนำเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุน “กองทุนเปิด วี แคนนาบิส บิสสิเนส(WE-CANAB)” เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทน ความต้องการใช้กัญชาถูกกฎหมาย ในกลุ่มการแพทย์ , อาหารและสันทนาการที่เติบโต ทำให้ผลตอบแทนปรับตัวขึ้น 8.82% นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ”
“นายอิศรา พุฒตาลศรี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี) เปิดเผยว่า หลังจาก บลจ.วี เปิดขาย IPO กองทุนเปิด วี แคนนาบิส บิสสิเนส (WE-CANAB) ไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมาซึ่งได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่สนใจการลงทุนธุรกิจพืชกัญชา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตและได้รับความนิยมในหลายด้าน
โดยหุ้นในอุตสาหกรรมกัญชาได้ปรับตัวขึ้นจากกระแสเรื่องการควบรวมกิจการธุรกิจกัญชาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พบว่าเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาบริษัท Tilray และ บริษัท Aphria ได้บรรลุข้อตกลงในการควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน ขณะเดียวกัน บริษัท Sundial Growers ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการร้านค้าปลีกของบริษัท Inner Spirit Holdings และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัท Canopy Growth ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท The Supreme Cannabis Company เช่นกัน ล่าสุดเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมตลาดได้รับความสนใจและเป็นที่จับตามองอีกครั้ง เมื่อบริษัทรายใหญ่ในตลาดกัญชาอย่าง HEXO ได้ประกาศจะเข้าซื้อกิจการบริษัทผู้ผลิตกัญชารายหนึ่ง ด้วยมูลค่ากว่า 766 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้การซื้อและควบรวมกิจการที่เพิ่มขึ้นนี้ แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมกัญชากำลังเข้าสู่ภาวะสมดุล โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าธุรกิจกัญชาจะมีการแข่งขันที่น้อยลง และทำให้กำไรของบริษัทต่างๆในธุรกิจนี้มีความมั่นคงและเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องในอีกหลายปีนับจากนี้ โดยทันทีที่มีข่าวดังกล่าวหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกัญชาในต่างประเทศ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง นำโดย Sundial Growers (SNDL) ปรับตัวขึ้น +15% , Cronos Group (CRON) +15% , OrganiGram Holdings (OGI) +11% , Aurora Cannabis (ACB) +8% และ Canopy Growth (CGC) +6% ซึ่งส่งผลให้กองทุน WE-CANAB มีผลการดำเนินงาน ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อยู่ที่ 8.82% เทียบกับดัชนีMSCI ACWI NET Total Return Index อยู่ที่ 3.11% ( ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2564)
ดังนั้น บลจ.วี มองว่าเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าลงทุนในกองทุนเปิด วี แคนนาบิส บิสสิเนส (WE-CANAB)ที่มีนโยบายลงทุนเชิงรุก ในกลุ่มธุรกิจที่มีรายได้จากพืชสกุลกัญชาทั่วโลก และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจกัญชา เช่น อุปกรณ์การปลูก , ปุ๋ย , สารเคมี ฯลฯ ผ่านกองทุนหลัก ETFMG Alternative Harvest ETF สัดส่วนประมาณ 60% และลงทุนผ่านกองทุนหลัก Global X Cannabis ETF ในสัดส่วนประมาณ 40%
บลจ.วี ยังประเมินว่า สัดส่วนของตลาดกัญชาที่ถูกกฎหมายจะการเติบโตเฉลี่ย 27% ต่อปีและจะมูลค่าถึง 95,000 ล้านเหรียญฯ ในปี 2025 จากระดับ 28,000 ล้านเหรียญฯ ในปี 2020 จากความต้องการใช้ในการแพทย์ , การใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่มเพื่อบริโภคและการใช้เพื่อสันทนาการ (Source : Euromonitor International) โดยมีกลุ่มผู้บริโภคหลัก คือกลุ่มคนช่วงระหว่าง 26-54 ปีประมาณ 52% รองลงมาคือ Gen X และ Gen Z ประมาณ 31% และกลุ่มผู้ป่วยประมาณ 17% (Source : Research Report: The 2020 Cannabis Consumer / 2020 Cannabis Consumer White Paper) นอกจากนี้คาดว่าในปี 2028 การจ้างงานที่เกี่ยวกับธุรกิจกัญชาจะเติบโตกว่า 250% โดยมีตลาดหลักคือประเทศสหรัฐฯ , ออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร (Source : Global X Cannabis ETF)
“ธุรกิจกัญชา นับเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และยังมีการวิจัย พัฒนาไปใช้ในด้านต่างๆที่ถูกกฎหมายอย่างต่อเนื่อง สร้างมูลค่าทางการตลาดที่สูงในอนาคต “กองทุน WE-CANAB” จึงมีความน่าสนใจและเป็นโอกาสกระจายการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนการเติบโตของธุรกิจกัญชาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ บลจ.วี อยากแนะนำลงทุน ” นายอิศรา กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด(“บลจ.วี”) โทรศัพท์ 02-351-1800 กด 2 หรือตัวแทนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของ บลจ.วี ได้แก่ บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน), บล.หยวนต้า , บล.โนมูระ, บล.เคจีไอ, บล.เอเชียเวลท์, บล.ฟิลลิป, บล.กรุงศรี, บล.ไทยพาณิชย์, บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์,บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บลน.โรโบเวลธ์, บลน.ฟินโนมินา, บลน.เวลท์ รีพับบลิค, บลน.เว็ลธ์เมจิก, บลน. แอสเซนด์ เวลธ์ และ บล.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน)