บี จิสติกส์ ลุ้นครึ่งปีหลังโตก้าวกระโดด ชี้ธุรกิจให้บริการขนส่งโตสูงแถมเริ่มบุ๊คกำไรจากเงินลงทุนเต็มที่ลุยขยายฐานลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมหนักในเขตพื้นที่อีอีซีเดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจขนส่งให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับการเติบโตและการแข่งขันสูง
ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทมีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องโดยประเมินว่าช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการน่าจะโตก้าวกระโดด เพราะนอกจากธุรกิจขนส่งจะมีแนวโน้มเติบโตสูงแล้ว บริษัทก็จะมีการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนอื่น ๆ เข้ามาอย่างเต็มที่รวมทั้งบริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งทำให้มีความพร้อมในการแข่งขันมากขึ้น
สำหรับแผนธุรกิจของบริษัทในครึ่งหลังปี 64 บริษัทจะมีการขยายฐานลูกค้าทางธุรกิจด้านโลจิสติกส์ให้ครบวงจรมากขึ้น โดยมีเป้าหมายขยายฐานลูกค้าเพิ่มไปในเขตพื้นที่พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC เน้นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมหนักเป็นหลัก โดยในอนาคตฐานลูกค้ากลุ่มดังกล่าวจะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนกว่า 60% ส่วนอีก 40% เป็นกลุ่มลูกค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนการลงทุนอื่นๆ ที่บริษัทได้มีการลงทุนไปในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มทยอยรับรู้รายได้มาบางส่วน และตั้งแต่ไตรมาสสองน่าจะมีการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนดังกล่าวมากขึ้น ทั้งธุรกิจรถเช่า ที่ให้บริษัทย่อยถือหุ้น 100% ในบริษัท โซลูชั่นส์ มอเตอร์ส จำกัด การลงทุนในบริษัทเดอะ เมกะวัตต์ จำกัด รวมทั้งการลงทุนในโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในเวียดนาม และการลงทุนในบริษัทมูนช็อต เวนเจอร์แคปปิตอล จำกัด
“ครึ่งปีหลังน่าจะมีผลประกอบการโตก้าวกระโดด เพราะนอกจากธุรกิจหลักเติบโตสูงแล้ว เรายังมีการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนต่างๆ เข้ามา ปัจจุบันธุรกิจขนส่งถือเป็นรายได้หลักสัดส่วนประมาณ 70% ที่เหลือ 30% มาจากเงินลงทุนอื่น ๆ”ดร.ปัญญากล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ ในประเทศมีการเติบโตขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีการแข่งขันกันสูง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เตรียมความพร้อม จากการปรับโครงสร้างธุรกิจขนส่งภายในกลุ่มให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับการแข่งขัน ปัจจุบันบริษัทมีรถบรรทุกขนส่งสินค้าให้บริการ 37 คัน และมีรถบริการร่วมอีก 20 คัน ล่าสุดกำลังเจรจากับพันธมิตรเพื่อเพิ่มปริมาณรถร่วมให้บริการให้มีปริมาณเพียงพอ ต่อความต้องการรองรับลูกค้าที่บริษัทได้ขยายเพิ่มมากขึ้น