การเพิ่มทุนของ บริษัท ยูซิตี้ จำกัด (มหาชน) (ยูซิตี้) ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากจำนวนการจองซื้อหุ้นทั้งหมด 2.25 หมื่นล้านหุ้นที่เปิดให้ดำเนินการในระหว่างวันที่ 12 ถึงวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ ได้เผยแพร่ข่าวความสำเร็จอย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 อนึ่ง การเพิ่มทุนในครั้งนี้ผู้ถือหุ้นได้ให้การสนับสนุนเพิ่มทุนเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 1.57 หมื่นล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่าบริษัทฯ จะสามารถผ่านพ้นวิกฤติของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ไปได้
ธุรกิจหลักของยูซิตี้ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและการบริการ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงแรมทั้งหมด 51 แห่งรวม 8,978 ห้องซึ่งพร้อมที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว ดังที่ Brian Chesky ประธานกรรมการบริหารของ Airbnb กล่าวไว้ว่า “การฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในครั้งนี้จะเป็นการฟื้นตัวแห่งศตวรรษ” อีกทั้งการที่ประเทศต่างๆ เริ่มทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยว โดยมีนักท่องเที่ยวที่ใจจดใจจ่อที่จะกลับมาเดินทาง หลังจากที่มีการจำกัดการเดินทางนานกว่าหนึ่งปี
ทั้งนี้ เงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนจะถูกนำไปใช้ในการชำระหนี้และลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรต่อไปในอนาคต โดยเงินจากการเพิ่มทุนนี้เป็นส่วนที่เพิ่มจากเงินที่บริษัทฯ จะได้รับจากการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักมูลค่ากว่า 4.4 พันล้านบาท ซึ่งโดยรวมคาดว่าจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือเพียงประมาณ 0.1เท่า
นางสาว สรญา เสฐียรโกเศศ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน กล่าวว่า “ฐานะทางการเงินของยูซิตี้ในขณะนี้ มีความแข็งแกร่งอย่างมากหลังจากการเพิ่มทุน และการขายโรงแรมภายใต้สัญญาเช่าที่สร้างผลตอบแทนต่ำ รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อื่นๆ โดยโรงแรมที่เหลืออยู่ล้วนเป็นโรงแรมที่มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาเดินทางอีกครั้ง สำหรับความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนของสหภาพยุโรป คาดว่าจะเกินร้อยละ 50 ของประชากรภายในเดือนมิถุนายนและจะมีภูมิคุ้มกันอย่างทั่วถึงภายในฤดูร้อนนี้ ซึ่งขณะนี้ประเทศต่างๆ อยู่ระหว่างการผ่อนปรนข้อจำกัดในการเดินทาง”
หุ้น ยูซิตี้ ขณะนี้ยัง Underperform โดยมีราคาตลาดของหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Price to Book Value) อยู่ 0.38 เท่า ซึ่งต่ำสุดเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ยูซิตี้ มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ กลุ่มบริษัทบีทีเอส ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ “โครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก” หนึ่งในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศไทย