คปภ. ลงพื้นที่ช่วยเหลือด้านการประกันภัย กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานพลาสติก ย่านสายไหม พร้อมบูรณาการประกันภัยจ่ายสินไหมทดแทน เยียวยาความเสียหายอย่างเป็นธรรม
ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ บริษัท เอมสเทรด จำกัด เลขที่ 17/7 ถนนสุขาภิบาล 5 ซอย 39 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกและโฟม และเป็นโกดังขนาดใหญ่สูง 2 ชั้น รวม 4 โกดัง บนเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ เป็นเหตุให้สินค้าและวัตถุดิบ รวมถึงอาคารไฟไหม้เสียหายจำนวนมากและยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2564 โดยเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บแต่อย่างใด ในเบื้องต้น ได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ และสำนักงาน คปภ. เขตบางนา เร่งช่วยเหลือและสำรวจความเสียหายอย่างเร่งด่วน ผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยสำนักงาน คปภ. เขตบางนา ได้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการประกันภัยให้กับผู้ได้รับความเสียหาย จากเหตุการณ์เพลิงไหม้อย่างใกล้ชิดแล้ว รวมทั้งติดตามและตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัยของโรงงานดังกล่าว เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ได้รับความเสียหายอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. เขตบางนา ว่า บริษัท เอมสเทรด จำกัด และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทำประกันภัยไว้ ดังนี้
1. บริษัท เอมสเทรด จำกัด เลขที่ 17/7 ถนนสุขาภิบาล 5 ซอย 39 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ได้ทำประกันอัคคีภัยไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 07896-63181/POL/001419-051 เริ่มต้นคุ้มครองวันที่ 5 มิถุนายน 2563 สิ้นสุดวันที่ 5 มิถุนายน 2564 จำนวนเงินเอาประกันภัย 11,300,000 บาท ทรัพย์สินที่เอาประกันภัย คือ สิ่งปลูกสร้างตัวอาคาร (ไม่รวมฐานราก) 10,300,000 บาท และเฟอร์นิเจอร์ 1,000,000 บาท
2. บริษัท ป๊อปปูล่า อินเตอร์พลาส จำกัด เลขที่ 23 หมู่ที่ 2 ถนนกิ่งแก้ว ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ (ผู้ให้เช่าอาคาร) ได้ทำประกันอัคคีภัยไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 07896-63181/POL/001588-051 เริ่มต้นคุ้มครองวันที่ 5 มิถุนายน 2563 สิ้นสุดวันที่ 5 มิถุนายน 2564 จำนวนเงินเอาประกันภัย 60,157,000 บาท ทรัพย์สินที่เอาประกันภัย คือ สต๊อกสินค้า 35,837,000 บาท เครื่องจักร 24,320,000 บาท และได้ทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินแบบพิเศษ ไว้กับบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ IA030648-21NBK เริ่มต้นคุ้มครองวันที่ 7 เมษายน 2564 สิ้นสุดวันที่ 7 เมษายน 2565 จำนวนเงินเอาประกันภัย 90,657,000 บาท ทรัพย์สินที่เอาประกันภัย คือ สต๊อกสินค้า 28,000,000 บาท เครื่องจักร 40,000,000 บาท และโซล่าร์เซลล์ 22,657,000 บาท
สำหรับการติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัย โดยบริษัทประกันภัยดังกล่าวได้ลงพื้นที่เพื่อติดตาม และเร่งสำรวจภัยเพื่อประเมินความเสียหายแล้ว ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักงาน คปภ. เขตบางนา เข้าร่วมบูรณาการเพื่อให้การจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยเป็นไปโดยเร็วและเป็นธรรม
"สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจกับผู้ประกอบการที่ประสบเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่นนี้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงฝากเตือนมายังผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัย เพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย โดยควรทำประกันอัคคีภัย หรือการประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ที่ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินต่าง ๆ ภายในโรงงานหรือสถานที่ประกอบการ รวมถึงการประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก เพื่อที่ระบบประกันภัยจะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย