CCP มองแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีแรกทรงตัว คาดเห็นสัญญาณฟื้นตัวดีในช่วงครึ่งปีหลัง มุ่งพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ เร่งประมูลงานเพิ่มโปรเจ็กต์งานภาครัฐหนุน งานเอกชนมีแนวโน้มลงทุนต่อเนื่อง จากการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/64 รายได้รวม 675.08 ล้านบาท กำไรสุทธิ 24.49 ล้านบาท เชื่อทั้งปีโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 2,600 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกมีแนวโน้มทรงตัว ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับเป็นช่วงวันหยุดยาว ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนแรงงาน ทำให้การทำงานชะลอหรือต้องเลื่อนส่งมอบงาน
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าจะเห็นสัญญาณฟื้นตัวดีในช่วงครึ่งปีหลังโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานในหลายโครงการ โดยเฉพาะงานก่อสร้างถนนของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท สำหรับการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมในเขตภาคตะวันออกและ งานภาคเอกชนโครงการอสังหาริมทรัพย์ยังคงทยอยเปิดโครงการใหม่เพื่อรองรับการขยายตัวของโครงการพัฒนาตามแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC)
“บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง รองรับงานโครงสร้างพื้นฐานและเอกชน ได้อย่างหลากหลาย และเน้นการขยายฐานลูกค้า กลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมารายย่อย โครงการขนาดกลาง-เล็ก ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่มีความต้องการใช้งานคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่องานก่อสร้าง Land Scape เพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าคอนกรีตสำเร็จรูปกลุ่มบล็อกกำแพง บล็อกกันหน้าดิน บล็อกปูพื้นที่ช่วยแก้ปัญหางานก่อสร้าง ลดต้นทุน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว” คุณอาทิตย์กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/64 มีรายได้รวมจำนวน 675.08 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจำนวน 42.26 ล้านบาท หรือลดลง 5.89 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 717.34 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 24.49 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ44.05 ล้านบาท หรือลดลง 44.40 %ทั้งนี้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทปรับตัวลดลงเนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ระลอก 3 ประกอบกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้รายได้และกำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าในปีนี้ จะสามารถรักษาการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากงานภาครัฐ 80% และงานภาคเอกชน 20% ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ประมาณ 1,800ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง โดยบริษัทจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท