ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด ปี 2564 ยอดขายร้านค้าวัสดุก่อสร้างฟื้นตัวเล็กน้อยจากปีก่อนราว 0.2%-1.9% มีมูลค่าตลาดประมาณ 8.03-8.17 แสนล้านบาท โดยมีแรงหนุนจากความต่อเนื่องของการลงทุนก่อสร้างของภาครัฐที่อาจเติบโต 3.3%-4.7% ชดเชยการชะลอการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนที่มีแนวโน้มหดตัวราว -6% ถึง -3.8% ประเภทร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีกว่ากลุ่มอื่น คือ กลุ่มค้าส่งและตัวแทนจำหน่ายของผู้ผลิตที่มีฐานลูกค้าเป้าหมายสอดคล้องกับงานภาครัฐและภาคเอกชนรายใหญ่ รวมทั้งกลุ่มร้านค้าวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ (Modern Trade) ที่สร้างยอดขายผ่านช่องหน้าร้านสาขาและช่องทางออนไลน์ ควบคู่ไปกับสินค้าตกแต่งบ้านอื่นๆ
ปี 2564 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่ามีการลงทุน คือ ที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นที่ต้องการของการอยู่อาศัยจริงและมาจากความต้องการในประเทศเป็นหลัก สินค้าที่ได้รับอานิสงส์ คือ สินค้าโครงสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ เหล็ก โครงสร้างคอนกรีตสำเร็จรูป (Pre-cast) และสินค้าตกแต่ง เช่น กระเบื้อง สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
ในอนาคตผู้ผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างเริ่มมีแนวโน้มขายสินค้าตรงผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น สังเกตจากตัวเลขการลงทุนและยอดขายของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มากขึ้นอย่างชัดเจน แต่ด้วยบริบทของประเทศไทย การซื้อสินค้าผ่านทางตัวแทนจำหน่ายจะยังคงเป็นช่องทางหลักต่อไป ทั้งนี้ เทรนด์วัสดุก่อสร้างสำหรับอนาคตคาดว่าจะเป็นวัสดุก่อสร้างที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจภาวะโลกร้อนและมลพิษทางอากาศมากขึ้น นอกจากนี้ประเทศต่างๆ อาทิ ประเทศในยุโรป จีน เริ่มมีการนำวัสดุก่อสร้างรักษ์โลกมาใช้และมีการเตรียมกฎหมายและมาตรฐานต่าง ๆ เพื่อควบคุมและลดการปล่อยก๊าซ CO2