บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC) ส่ง UAC Top Energy จับมือ 4 วิสาหกิจชุมชน จ่อยื่นซองประมูลโรงไฟฟ้าชุมชน
เม.ย.นี้ รวมทั้งหมด 5 โครงการ 15
เมกะวัตต์ คาดใช้งบลงทุนราว 1,500 - 2,000 ล้านบาท
พร้อมชูศักยภาพความพร้อมด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี
ความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานจากก๊าซชีวภาพมากว่า 10 ปี และมีโรงไฟฟ้าต้นแบบ ที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เป็นใบเบิกทาง
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ
บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ
UAC
เปิดเผยถึงกรณีร่างระเบียบรับซื้อโรงไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก(โครงการนำร่อง)
ว่า หลังจากประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อย เมื่อวันที่ 18 มี.ค.
2564 ที่ผ่านมา ส่งผลให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)
เตรียมเปิดให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ระหว่างวันที่ 21-23
เม.ย.2564
และพร้อมประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการภายในเดือนกรกฎาคม 2564
นี้
และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมตามเกณฑ์คุณสมบัติ
ได้มีการส่งบริษัท ยูเอซี ท็อป เอนเนอร์ยี่ (UAC Top Energy) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ
ลงนามความร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ จำนวน 4 แห่ง
เพื่อให้สอดรับกับเงื่อนไขของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ว่า
บริษัทผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP)
จะต้องร่วมทุนกับวิสาหกิจชุมชน หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยวิสาหกิจชุมชนและต้องมีข้อกำหนดการร่วมทุนระหว่างผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก
ในสัดส่วน 90% และวิสาหกิจชุมชน
หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนในสัดส่วน 10%
อีกทั้งการจัดหาเชื้อเพลิงจะต้องมีสัญญารับซื้อเชื้อเพลิงในราคาประกันกับวิสาหกิจชุมชน
หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนในรูปแบบเกษตรพันธสัญญา
ซึ่งปริมาณการรับซื้อพืชพลังงานที่จะนำมาใช้ต้องได้มาจากการปลูกโดยวิสาหกิจชุมชน
หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน หรือเกษตรกรบริเวณใกล้เคียง อย่างน้อย 80%
และผู้ประกอบการสามารถจัดหาเองได้ไม่เกิน 20% ซึ่งจากแผนดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน
แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าการประมูลมีการแข่งขันสูง
เนื่องจากรัฐเปิดรับซื้อนำร่องเพียง 150 เมกะวัตต์
แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล 75 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ 75
เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีความพร้อมด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี
รวมถึงประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานจากก๊าซชีวภาพมากว่า10 ปี และยังมีโรงไฟฟ้าต้นแบบอยู่ที่
อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เป็นตัวนำร่องยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนในครั้งนี้ โดยบริษัทฯ วางแผนที่จะยื่นประมูล 5 โครงการ รวมถึงโครงการในจังหวัดขอนแก่นที่กำลังดำเนินการกอสร้าง เฉลี่ยโครงการละ
3 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 15 เมกะวัตต์
โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ หรือเงินลงทุนรวมประมาณ 1,500 - 2,000 ล้านบาท
ซึ่งขณะนี้ บริษัทฯ เตรียมความพร้อมทางด้านการเงิน
เพื่อรองรับการเข้าประมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว