“ทริสเรทติ้ง” จัดอันดับเครดิต
PTG ระดับ
“BBB+” แนวโน้ม
“คงที่” สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน
แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19
ชี้รักษาส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 2
นายพิทักษ์
รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS Rating) ได้จัดอันดับเครดิตองค์กรของ
PTG ที่ระดับ
BBB+ พร้อมแนวโน้มโน้มอันดับเครดิต
“Stable” หรือ
“คงที่” ซึ่งสะท้อนสถานะความแข็งแกร่งทางการตลาดของบริษัทฯในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทั้งในส่วนของยอดขายและเครือข่ายสถานีบริการ
(ปั๊มน้ำมัน) ถึงแม้ว่าจะมีสถานะการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
ในปีที่ผ่านมา
เนื่องจากในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ
สามารถเพิ่มยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการได้สูงถึง 4.74 พันล้านลิตร หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.1%
เมื่อเทียบกับปี 2562
ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดในอันดับ 2 ได้อย่างต่อเนื่อง
และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16%
ในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 14%
ในปี 2562 และจากการขยายสถานีบริการที่เพิ่มขึ้นกว่า 2,094 แห่ง
ทำให้บริษัทฯ มีเครือข่ายสถานีบริการเป็นอันดับ 2 ด้วย
ทั้งนี้
ทริสฯ ยังคาดว่า บริษัทฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับการขยายตัวของธุรกิจก๊าซ LPG
ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการขยายสถานีบริการก๊าซ LPG ที่เพิ่มขึ้นอีก
23
แห่ง ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายก๊าซ LPG ที่เพิ่มขึ้นจาก 134 ล้านลิตร ในปี
2562
เพิ่มขึ้นเป็น 152
ล้านลิตร ในปี 2563
นอกจากนี้
ทริสฯ ยังประเมินว่า นอกเหนือจากการขยายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่องแล้ว แบรนด์ “PT”
ของบริษัทฯ ยังเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้งการขยายสาขาใหม่ๆ การปรับปรุงสถานีบริการให้มีความทันสมัย
ประกอบกับการเพิ่มช่องทางบริการอื่นๆ ทั้งร้านสะดวกซื้อ (Max Mart) ร้านกาแฟ
(พันธุ์ไทย) และศูนย์บริการรถยนต์ (Autobacs)
รวมถึงการมีแผนพัฒนาระบบการเงินอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อเพิ่มประโยชน์จากการส่งเสริมการตลาดระบบสมาชิก “PT Max Card” เพิ่มอีกด้วย
“ในปีนี้บริษัทฯ
ตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันให้เพิ่มขึ้น 8-12%
รวมถึงปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15-20% จากการขยายสถานีบริการ
และการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการบริการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ
คาดว่ากำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA)
จะเพิ่มขึ้น 10-15%
จากปีที่แล้ว” นายพิทักษ์กล่าว