ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM เปิดวิสัยทัศน์ ชูบทบาทผู้นำธุรกิจ AMC ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศย้ำหัวใจสำคัญของธุรกิจ คือ พลิกฟื้นสินทรัพย์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เผยแผนกลยุทธ์ปี 64 ทุ่มงบซื้อ NPL และ NPA เข้ามาบริหารจัดการไม่ต่ำกว่า 9,000 ล้านบาท หวังดันผลเรียกเก็บปีนี้เข้าเป้า 1.7 หมื่นล้านบาท พร้อมเร่งพัฒนาระบบงานด้าน IT มุ่งสู่ BAM Digital Enterprise รวมถึงเสริมศักยภาพบุคลากร เพื่อขับเคลื่อน BAM ให้เติบโตแบบยั่งยืน ขณะที่ผลงานปี 63 กวาดกำไร 1,840 ล้านบาท พร้อมเปิดกลยุทธ์ผลเรียกเก็บในระยะ 5 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือBAM กล่าวว่า การเข้ารับตำแหน่งครั้งนี้ ถือเป็นความท้าทายในการบริหารงานภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากสถานการณ์ไวรัส COVID – 19 โดยมีเป้าหมายให้ BAM คงความเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือAMC ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพลิกฟื้นสินทรัพย์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้วยการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) ในระบบสถาบันการเงินของประเทศ เพื่อให้ลูกหนี้ได้ทรัพย์หลักประกันซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย หรือที่ทำกินกลับคืนไป หรือสามารถพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับเป็นหนี้ที่มีคุณภาพกลับคืนสู่ระบบเศรษฐกิจปกติ รวมทั้งบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ให้มีสภาพดีพร้อมขายในราคาที่เป็นธรรม และยังเป็นการกระตุ้นให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองเติบโตต่อไปอีกด้วย
ทั้งนี้ ในปี 2564 BAM ตั้งเป้าผลเรียกเก็บ จำนวน 17,452 ล้านบาท ขณะที่ตั้งงบลงทุนซื้อสินทรัพย์ NPL/NPA เข้ามาบริหารจัดการไม่ต่ำกว่า 9,000 ล้านบาท โดยการประมูลซื้อจากสถาบันการเงินต่าง ๆ และการขายทอดตลาดที่กรมบังคับคดี ปัจจุบัน BAM มี NPL อยู่ในความดูแล จำนวน 85,102 ราย คิดเป็นภาระหนี้รวม 484,881 ล้านบาท และ NPA จำนวน 21,574 รายการ คิดเป็นราคาประเมินมูลค่า 62,571 ล้านบาท
สำหรับการบริหาร NPL ใช้กลยุทธ์ลดระยะเวลาในการบริหารจัดการ โดยมุ่งเน้นการสร้างผลเรียกเก็บระยะสั้นโดยเร่งติดตามเงินรอรับจากกรมบังคับคดี พร้อมคัด Port ลูกหนี้ที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันออกประมูลขาย นอกจากนี้ยังเร่งพัฒนาระบบ E-TDR โดยเบื้องต้นลูกหนี้สามารถชำระผ่าน Application ได้ รวมทั้งเพิ่มฐานลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้ผ่อนชำระไม่น้อยกว่า 3,500 ราย โดยสร้างโอกาสในการประนอมหนี้ผ่านโครงการสุขใจได้บ้านคืน โครงการ BAM ช่วยลดเพื่อปลดหนี้ และโครงการ BAM ช่วยฟื้นคืนธุรกิจ
ด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA นั้น BAM ใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการจำหน่ายทรัพย์ให้ได้โดยเร็ว เพื่อลดระยะเวลาการถือครอง รวมทั้งคัดทรัพย์มาทำรายการพิเศษกว่า 3,000 รายการ พร้อมคัดทรัพย์เพื่อการลงทุนที่มีมูลค่าสูง และทรัพย์เพื่อนักลงทุนรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ซื้อซ้ำ รวมทั้งทรัพย์สำหรับ กลุ่มSME และ Start Up นำเสนอขายพร้อม Solution พร้อมเพิ่มฐานลูกค้าที่ซื้อแบบผ่อนชำระกับ BAM ไม่น้อยกว่า1,000 ราย ภายในปี 2564
ในส่วนของแผนการตลาดปีนี้ เน้นจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตาม Target Segment และจัดโปรโมชั่น แคมเปญอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เช่น โปรโมชั่นโอนเร็ว รับเลย ฟรีค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ และบัตรกำนัล หากลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 30 วัน รวมทั้งเตรียมจัดประมูลทรัพย์แบบออนไลน์ และในช่วงที่ประชาชนใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) สื่อต่าง ๆ ในรูปแบบ Digital Platformได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก เนื่องจาก การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น การออกบูธ หรือการจัดงานต่าง ๆ มีข้อจำกัด BAM จึงเร่งพัฒนาปรับปรุงWebsite และสื่อ Social Media ต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการติดต่อสื่อสารและใช้บริการ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM กล่าวอีกว่า บริษัทมีเป้าหมายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT สู่การเป็นBAM Digital Enterprise เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดระยะเวลาและขั้นตอนในการทำงานให้เร็วขึ้น (Re-Process) นอกจากนี้ ยังมีนโนโยบายในการพัฒนาบุคลากรด้วยการ Reskill หรือ Upskill เพื่อเสริมสร้างทักษะใหม่ ๆ รองรับการเปลี่ยนแปลงในโลกยุค Digital
นายบัณฑิต ยังได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2563 ว่า แม้จะเป็นปีที่มีความยากลำบากจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ BAM ยังมีผลการดำเนินงานโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมีผลเรียกเก็บเงินสดจำนวน 13,134 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก NPL จำนวน 8,396 ล้านบาทและรายได้จาก NPA จำนวน 4,738 ขณะที่มีกำไรสุทธิ 1,840 ล้านบาท พร้อมจ่ายปันผลหุ้นละ 0.51 บาท คิดเป็น 90% ของกำไรสุทธิ1,800 ล้านบาท ขณะเดียวกัน BAM ได้วางเป้าหมายผลเรียกเก็บในระยะ 5 ปีข้างหน้า ให้มีการเติบโตด้านรายได้อย่างต่อเนื่องโดยในปี 2564 ตั้งเป้าผลเรียกเก็บ 17,453 ล้านบาท ปี 2565 ตั้งเป้า 18,953 ล้านบาท ปี 2566 ตั้งเป้า 20,510 ล้านบาท ปี 2567 ตั้งเป้า 22,199 ล้านบาท และปี 2568 ตั้งเป้า 24,036 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลากว่า20 ปีที่ผ่านมา BAM ดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) โดยให้ความช่วยเหลือผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ภายใต้แนวคิด 5 ดี ของ BAM ประกอบด้วยดีต่อประเทศ ดีต่อสังคม ดีต่อลูกค้าหรือลูกหนี้ ดีต่อผู้ถือหุ้นและดีต่อพนักงานเพื่อสร้างการเติบโตในทุกมิติที่เกี่ยวข้องอย่างยั่งยืน