GBS ชี้หุ้นไทยขานรับตัวเลขGDP ครม.ไฟเขียว ม33 เรารักกันพร้อม คัด 6 หุ้นเด่น


-บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัว Sideway แม้ตัวเลข GDP ออกมาดีกว่าคาด และ ครม. เขียวโครงการ ม33 เรารักกัน หนุนดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ   1,500 -1,550 จุด แนะจับตาการเมือง สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎร และประกาศงบงวดปี 63 ของบจ.ที่จะสิ้นสุดวันที่ 1 มีนาคมนี้ จึงแนะนกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่คาดจะประกาศผลการดเนินงานดี ชู   TACC TNP SONIC BIZ และเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารเลือก BBL TISCO

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังคงแกว่งตัว Sideway แม้จะได้ปัจจัยหนุนจากการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทยหดตัว -4.2% ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการหดตัว -6.4% ในไตรมาส 3/63 และญี่ปุ่นขยายตัว 12.7% ซึ่งออกมาดีกว่าคาด และการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ผ่านมติการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ของ พ.ร.บ.ประกันสังคม ในโครงการ ม33 เรารักกัน ซึ่งผู้ที่มีสิทธิจะได้รับเงินโอนคนละ 4,000 บาท สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.-7 มี.ค.นี้ จำนวน 9 ล้านราย 

อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงต้องติดตามการชุมนุมของกลุ่มราษฎร และการรายงานผลการดเนินงานงวดปี 2563 ของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาซึ่งมีแนวโน้มต่ำกว่าปี 2562 กดดันดัชนีให้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,500 - 1,550 จุด

ส่วนปัจจัยน่าจับตา อาทิ อียูเปิดเผย GDP ในไตรมาส 4/2563  รวมถึงตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนกุมภาพันธ์ และสหรัฐก็มีการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์เช่นกัน ส่วนวันที่ 16-19 ก.พ. มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และจะลงมติในวันที่ 20 ..ส่วนวันที่ 1 มี..เป็นวันสุดท้ายที่กำหนดให้ริษัทดทะเบียนส่งงบการเงินงวดปี 2563  

ดังนั้นจึงแนะนำลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะมีการประกาศผลประกอบการในปี 2563 ออกมาดี  แนะนำหุ้นเด่น 4 ตัว เช่น  TACC TNP SONIC BIZ และแนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารที่เป็น Laggard ในแง่ของ valuation โดยกลุ่มธนาคารซื้อขายที่ระดับ PBV 0.72 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสูงสุดในอดีตที่ระดับ 2.04 เท่า Top Pick เลือก BBL, TISCO

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก มองว่า ทองคำมีโอกาสรีบาวด์ได้แต่หากไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,860-1,870 $/Oz ให้ระวังแรงขาย เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปียังทรงตัวใกล้ระดับ 1.15% เป็นปัจจัยกดดัน และให้จังหวะสะสมที่แนวรับ 1,800 $/Oz เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชืไวรัส COVID-19 ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเฟดยังคงเดินหน้าเพิ่มขนาดงบดุลยังเป็นปัจจัยช่วยพยุงราคาทองคำ