สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างประกาศรองรับการเสนอขายกองทุนรวมภายใต้โครงการจัดการลงทุนระหว่างเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและไทย ภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่าง ก.ล.ต. และ Securities and Futures Commission (SFC) เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564
ตามที่ ก.ล.ต. และ SFC ได้พัฒนากรอบความร่วมมือแบบทวิภาคี ด้านการเสนอขายกองทุนรวมภายใต้โครงการจัดการลงทุนระหว่างเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและไทย (Mutual Recognition of Funds between Hong Kong Special Administrative Region of the People's Republic of China and Thailand : HK-TH MRF) ซึ่ง ก.ล.ต. และ SFC ได้ร่วมลงนาม MoU เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเสนอขายกองทุนรวมระหว่างกันภายใต้โครงการดังกล่าวนั้น โครงการ HK-TH MRF จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจในการขยายฐานผู้ลงทุน และเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับผู้ลงทุนของทั้งสองตลาด รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือด้านตลาดทุนตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้ร่วมลงนามเมื่อปี 2562
ในการนี้ ก.ล.ต. จึงได้ยกร่างประกาศรวม 3 ฉบับ เพื่อขยายขอบเขตหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายกองทุนรวมต่างประเทศในไทย (inbound) และการนำกองทุนรวมไทยไปเสนอขายในต่างประเทศ (outbound) ให้รองรับ HK-TH MRF ด้วย โดยกองทุนรวมที่ได้รับการอนุมัติจัดตั้งและเสนอขายเป็นการทั่วไปจากประเทศที่กองทุนรวมนั้นจัดตั้งขึ้น (home country) และมีลักษณะเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องของhome country รวมทั้งข้อกำหนดเพิ่มเติมใน MoU สามารถเสนอขายหน่วยลงทุนต่อผู้ลงทุนทั่วไปในอีกประเทศหนึ่ง (host country) ผ่านตัวแทนขายหน่วยลงทุนที่ได้รับอนุญาตใน host country ภายใต้โครงการHK-TH MRF ได้ โดยใช้หลักการในการกำกับดูแลในแนวทางเดียวกับการกำกับดูแลโครงการจัดการลงทุนกลุ่มอาเซียน (ASEAN Collective Investment Schemes : ASEAN CIS) และโครงการจัดการลงทุนในเอเชียตามกรอบเอเปค (Asia Region Funds Passport : ARFP) ที่มีประกาศรองรับแล้ว
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=692 ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทาง e-mail slil@sec.or.th หรือ sireetho@sec.or.th จนถึงวันที่ 5 มีนาคม 2564