บมจ. แอสเซทไวส์(ASW) เผยได้รับอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์จากสำนักงาน ก.ล.ต.
เรียบร้อยแล้ว ด้าน "กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ระบุพร้อมเดินหน้าเสนอขายหุ้น IPO และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ตามแผนที่วางไว้ ประเดิมปี 64 ลุยตลาดกลุ่ม “บลู โอเชี่ยน”
ประเมินกำลังซื้อแข็งแกร่ง หนุนผลงานปีนี้สดใส
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ
เพื่อจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตที่ดี ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” (We Build Happiness) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ
ได้รับอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์
จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2564 ที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริษัทฯ
อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม เพื่อเสนอขายหุ้น IPO และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(SET) ได้ตามแผนที่วางไว้ หลังจากซุ่มเตรียมตัวมากว่า 3 ปี
ทั้งนี้ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย
พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน
ได้มีการเตรียมความพร้อม และอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ
เพื่อพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสนอขายหุ้นไอพีโอ
"ASW และที่ปรึกษาทางการเงิน อยู่ระหว่างติดตามดูแนวโน้มเศรษฐกิจ และบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น รวมถึงพิจารณาความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หากสถานการณ์โดยรวม มีความชัดเจนมากขึ้น บริษัทฯ ก็พร้อมเดินหน้าเสนอขายหุ้นไอพีโอและพร้อมเข้าจดทะเบียนใน SET ได้อย่างแน่นอน" นายกรมเชษฐ์ กล่าว
ASW มีแผนจะเสนอขายหุ้น
IPO จำนวน 206 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.07%
ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้
สำหรับกลุ่มบริษัท ASW มีบริษัทย่อยทั้งหมด 15 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักคือ ธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ทั้งโครงการอาคารชุดที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม และโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ จำนวน 12 บริษัท และบริษัทย่อยอีก 3 บริษัท ประกอบธุรกิจอื่น ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่น ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า, ธุรกิจรับฝากขายฝากเช่า
ภาพรวมของผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือนปี
2563 ที่ผ่านมา ASW มีรายได้จากการขายและบริการรวมเท่ากับ 2,176.54 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันจากปีก่อนที่ทำได้
1,779.30 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 307.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
110.51 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้
146.00 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทมีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 886.20
ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ 40.72%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาส 3-4/2563 บริษัทฯ
ได้มีการเปิดขายโครงการโดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการบนทำเลศักยภาพที่มีความต้องการอยู่อาศัยจริงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เช่น โครงการโมดิซ ราห์ม รามคำแหง (Modiz Rhyme
Ramkhamhaeng) ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ารามคำแหง
ซึ่งเป็นทำเลที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาทำเลในกลุ่มตลาดบลู โอเชี่ยน
เนื่องจากมีกำลังซื้อที่มีสัญญาณดีต่อเนื่อง เช่น โครงการโมดิซ ลอนซ์ (Modiz Launch) บนทำเลที่ดีที่สุดในย่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ศูนย์รังสิต อีกหนึ่งโครงการที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก
และโครงการทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ “บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด – พัฒนาการ” (Baan Puripuri Courtyard - Pattanakarn) โครงการทาวน์โฮมที่มีดีไซน์
Private Courtyard ใจกลางบ้านในระดับราคา 14.2 – 22 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างบริษัท
แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บ้านภูริ ปุรี โฮลดิ้ง จำกัด
และยังมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่องไปในปี
2564 เช่น โครงการแอทโมซ รัชดา - ห้วยขวาง
(Atmoz Ratchada - Hauikwang) และโครงการเคฟ ทาวน์ สเปซ (Kave Town Space) ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยโครงการต่างๆ
จะสนับสนุนให้ผลประกอบการในปีนี้เติบโตได้เป็นอย่างดี
ในช่วงไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ
ยังคงเดินหน้าการเปิดขายโครงการอย่างต่อเนื่องในทำเลศักยภาพที่รองรับการขยายของเมืองและระบบคมนาคมเส้นทางใหม่
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการด้านการอยู่อาศัยของลูกค้าอย่างแท้จริง