FETCO เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าคงระดับเกณฑ์ร้อนแรง

ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่ในโซนร้อนแรง นักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าของเงินทุน และการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศขณะที่นักลงทุนกังวลกับการท่องเที่ยว สถานการณ์ความขัดแย้งระห่วางประเทศ และการระบาดระลอกใหม่

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนธันวาคม 2563 พบว่า “ดัชนีฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 130.63 ปรับตัวลดลง 19.1%  จากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” มาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ซึ่งยังสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนเมื่อเทียบกับความเคลื่อนไหวของดัชนีตลอดทั้งปี นักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การท่องเที่ยว รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนธันวาคม 2563 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

 ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มีนาคม 2564) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (ช่วงค่าดัชนี120 -159) ปรับตัวลดลง 19.1% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 130.63

 ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนทบุคคลและกลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง

 หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธนาคาร (BANK)

 หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดท่องเที่ยว (TOURISM)

 ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลเข้าของเงินทุน

 ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การท่องเที่ยว

 

ผลสำรวจ  เดือนธันวาคม 2563 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวลดลง โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวลดลง 21% อยู่ที่ระดับ 117.95 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 23% อยู่ที่ระดับ 128.57 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวลดลง 24% อยู่ที่ระดับ 119.05 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลง 14% อยู่ที่ระดับ 150.00

ในช่วงครึ่งแรกของเดือนธันวาคม 2563 SET index ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง1,417—1,483 จากข่าวดีของการทยอยเริ่มใช้วัคซีนป้องกัน Covid-19 ในหลายประเทศ และมีเงินทุนไหลเข้ามายังกลุ่ม Emerging market โดยเฉพาะในตลาดทุนไทยซึ่งมีสัดส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ  (Cyclical stock) สูง ส่งผลให้เงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทยเป็นบวกสุทธิอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งเดือนหลังดัชนีผันผวนจากการระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย  โดย  สิ้นเดือนธันวาคม SET Index ปิดที่1,449.35 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.9% จากเดือนก่อนหน้า

 นักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การท่องเที่ยว รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ นักลงทุนสนใจลงทุนในหมวดธนาคาร (BANK) มากที่สุด รองลงมาคือหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์(PETRO) และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ขณะที่นักลงทุนเห็นว่าหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) ไม่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด  รองลงมาคือหมวดแฟชั่น (FASHION) และหมวดสื่อสิ่งพิมพ์(MEDIA)

 ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่  การเลือกตั้งวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจให้สามารถผ่านสภาเป็นไปได้ง่าย มาตรการปิดเมืองในหลายพื้นที่ในยุโรปและเอเชีย ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงอีกครั้ง  ส่วนของปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ผลกระทบของการระบาดระลอกใหม่ของ Covid-19 ที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว