บมจ. เอเชียกรีน เอนเนอจี (AGE)ตอกย้ำความแข็งแกร่ง ย้ายเข้าเทรดใน SET วันที่ 29 ต.ค. นี้ เปิดทางนักลงทุนสถาบันเข้าลงทุนเพิ่มสภาพคล่อง จากการขับเคลื่อนธุรกิจถ่านหิน – โลจิสติกส์น้ำ –บก – พลังงาน ครบวงจร พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งด้วยกำไรสะสมในมือกว่า 700 ล้านบาท
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดหาและจัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีที่ได้ย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 29 ต.ค.63 นี้ ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค จากเดิมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ตั้งแต่วันที่ 26กุมภาพันธ์ 2552 โดยการย้ายเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครั้งนี้ เพื่อเป็นการลดข้อจำกัดในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนสถาบันที่สนใจเข้ามาถือหุ้นของ AGE
“ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่ AGE อยู่ในตลาด mai บริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการดำเนินธุรกิจเป็นผู้จัดหาและจัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เพื่อจำหน่ายทั้ง ในประเทศและต่างประเทศ ให้กับกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ และประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ ทั้งทางบก ทางน้ำโดยเรือลำเลียง และรถบรรทุก ส่งผลให้บริษัทฯสามารถจ่ายปันผลทั้งในรูปแบบหุ้นปันผล และเงินปันผล ตามนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักเงินสำรองต่างๆ และยังได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการอยู่ที่ระดับ 4 ดาว รวมทั้งบริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหุ้นยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์ด้วย”
ปัจจุบัน บริษัทฯยังคงเดินหน้าลงทุนธุรกิจถ่านหิน โดยการมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯได้วางกลยุทธ์บุกตลาดกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้น ภายหลังที่มีการลงทุนก่อสร้างคลังถ่านหิน และโรงงานคัดแยกที่มีระบบบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในประเทศเวียดนาม ในปี 2561 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งการขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นอีกด้วย เพราะเมื่อพิจารณาจากตัวเลขปริมาณการขายถ่านหินในประเทศพบว่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปัจจุบันบริษัทมียอดคำสั่งซื้อถ่านหินในมือ (Back log) จำนวน1 ล้านตัน ซึ่งจะทยอยส่งมอบจนถึงปี 2564 โดยทั้งปีคงเป้าปริมาณการขายถ่านหินไว้ที่ระดับ 3.5 ล้านตัน
-2-
เพราะมองว่าความต้องการใช้ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรมในประเทศมีสัญญาณฟื้นตัวจาก ไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมาอย่างชัดเจน เนื่องจากการกลับมาดำเนินธุรกิจอย่างปกติมากขึ้น และบริษัทฯ มีบริการโลจิสติกส์ที่ครบวงจร ทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อลูกค้ามากยิ่งขึ้น อีกทั้งถ่านหินยังคงเป็นเชื่อเพลิงที่มีต้นทุนต่ำ เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงประเภทอื่น เช่น น้ำมันเตาจึงทำให้ถ่านหินยังคงเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ผู้ประกอบการภายในประเทศเลือกใช้ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหินมากที่สุดคือโรงไฟฟ้า และกลุ่มผู้ประกอบการผลิตปูนซีเมนต์
นอกจากนี้ ธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทฯ มีแผนการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายท่าเรือที่ 4 จากเมื่อต้นปี ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการให้บริการท่าเรือที่ 3 เป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งการต่อเรือลำเลียงเพิ่มเติม โดยปัจจุบัน มีเรือลำเลียงครบแล้ว 36 ลำ และวางแผนเพิ่มเป็น 40 ลำในช่วงปี 2564 และรถบรรทุกทั้งหมด 51 คัน ซึ่งมีแผนจะเพิ่มในอนาคตรองรับปริมาณงานที่สูงขึ้นถือเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของบริษัทที่มีการให้บริการที่ครบวงจร โดยรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์คาดว่าจะคิดเป็น 10 % ของรายได้รวม
ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เอเชียกรีน เอนเนอจี (AGE) ยังได้กล่าวถึงการลงทุนในส่วนของธุรกิจพลังงานผ่านบริษัทร่วมทุน ภายใต้บริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัด ว่า บริษัทฯ จะทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจดังกล่าวตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2563 จากโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ ขนาด 5 เมกะวัตต์ และในปี 2564จากโครงการการขายไอน้ำ ให้กับลูกค้าขนาดเตา Boiler 16 ตัน นอกจากนี้ ยังคงอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในโครงการขายไอน้ำ และโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมหลายโครงการ ซึ่งคาดว่าจะลงทุนในปี 2564 และมีสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่งมีกำไรสะสมสูงถึง 700 ล้านบาท ประกอบกับราคาหุ้นในปัจจุบันที่มีการซื้อขายระดับต่ำกว่าระดับ P/E ที่ 7.07 เท่า