วินด์ เอนเนอร์ยี่ เริ่มจ่ายเงินปันผลแล้ว ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม แตะระดับ 1,500 MW จาก 717 MW ในปัจจุบัน พร้อมลุยลงทุนต่อทั้งในและต่างประเทศ ตอกย้ำเบอร์หนึ่งด้านพลังลมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประกาศชัด ความขัดแย้งของผู้ถือหุ้นไม่กระทบการดำเนินงานของบริษัท ผู้บริหารยืนยันทำหน้าที่เต็มที่ เพื่อผู้ถือหุ้น เพื่อพนักงาน เพื่อผลประโยชน์และความยั่งยืนของบริษัท
นายกำธร กิตติอิสรานนท์ ประธานกรรมการบริหาร และนายธันว์ เหรียญสุวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ในฐานะผู้นำผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมของประเทศและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทฯ กำหนดเป้าหมายแผนธุรกิจระยะ 5 ปีข้างหน้า จะผลักดันให้กำลังการผลิตไฟเชิงพาณิชย์ แตะระดับ 1,500 เมกะวัตต์ (MW) จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตรวม 717 MW จากโรงไฟฟ้าพลังงานลม 8 แห่ง โดยบริษัทฯ มองหาโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เบื้องต้นจะเป็นประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม เป็นต้น
“บริษัทฯมีความพร้อมจะลงทุนในโครงการใหม่ ๆ โดยมีความความพร้อมทั้งเงินลงทุนและบุคคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมทั่วโลกกว่า 20 ปี”
ขณะเดียวกันบริษัทฯ อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างแหล่งเงินทุน โดยมีแผนการระดมทุนจากแหล่งเงินทุนประเภทอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากธนาคารซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนหลัก โดยกำหนดเป็นแผนระยะสั้นและระยะยาว
แผนระยะสั้น คือการระดมทุนจากตลาดตราสารหนี้โดยมีแผนออกหุ้นกู้ วัตถุประสงค์หลักเพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ชำระหนี้เงินกู้ และนำไปใช้เพื่อขยายกิจการ รองรับแผนลงทุนเพื่อผลักดันให้กำลังการผลิตรวมของกลุ่มบริษัทฯ แตะระดับ 1,500 MW ได้ตามเป้าหมาย สำหรับแผนระยะยาว คืออยู่ในช่วงของการจัดโครงสร้างธุรกิจ โครงสร้างทางการเงิน เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าการอาศัยตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนจะมีส่วนสนับสนุนให้บริษัทฯเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
“สำหรับข้อขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นนั้น เชื่อมั่นว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารธุรกิจของ WEH สะท้อนจากผลประกอบการในปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปีแรกที่รับรู้รายได้จากการขายไฟจากโรงไฟฟ้าครบทั้ง 8 แห่ง โดยมีกำไรสุทธิ 5,888 ล้านบาท มี EBITA มากกว่า 8,000 ล้านบาท และมีรายได้กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 5 เท่าจากปี 2556 โดย ทางบริษัทคาดว่าในปี 2563 นี้ จะยังคงมีผลประกอบการอยู่ในระดับที่ดี พร้อมจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น’’