บีซีพีจี เพิ่มทุน 1.3 พันล้านหุ้น คาดได้เงินเพิ่มทุนราว 1.02 หมื่นล้านบาท รองรับ EBITDA โต 75% ใน 5 ปี บางจากพร้อมซื้อตามสิทธิและส่วนที่เหลือทั้งหมดของหุ้นเพิ่มทุน ขณะที่นักลงทุน PP พร้อมให้การสนับสนุน
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ได้มีมติให้บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จาก 2,000 ล้านหุ้นเป็น 3,301.7 ล้านหุ้น โดยการออกหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวน 1,301.7 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท การเพิ่มทุนครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายเดิมมีส่วนร่วมในการระดมทุน ผ่านการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน แบบ Right offering (RO) ในอัตราส่วนหุ้นสามัญเดิม 8 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 11.5 บาท เป็นจำนวนหุ้นเพิ่มทุนประมาณ 250 ล้านหุ้น คิดเป็นจำนวนเงินเพิ่มทุนประมาณ 2,875 ล้านบาท ไปพร้อมกับ การเพิ่มทุนแบบ Private Placement (PP) ในราคาเดียวกัน เป็นจำนวนหุ้นเพิ่มทุนประมาณ 391.5 ล้านหุ้น คิดเป็นจำนวนเงินเพิ่มทุนประมาณ4,502 ล้านบาท ประกอบกับผู้ที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (ทั้งแบบ RO และ PP) จะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Warrant) โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ตามสัดส่วนการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ดังนี้
1) สำหรับผู้ถือหุ้น RO จะได้รับทั้ง BCPG-W1 และ BCPG-W2 ในอัตราส่วน 2.8 หุ้นเพิ่มทุน ต่อ 1 หน่วย Warrant (อัตราใช้สิทธ์ 1 หน่วย Warrant ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ราคา 8 บาท / Warrant) โดย BCPG-W1 และ BCPG-W2 จะมีจำนวนหน่วยรวมทั้งสิ้น 178.6 ล้านหน่วย คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนหากมีการใช้สิทธ์เต็มจำนวนทั้งสิ้น 178.6 ล้านหุ้น เป็นจำนวนเงินประมาณ 1,428.8 ล้านบาท
โดย BCPG-W1 จำนวน 89.3 ล้านหน่วย มีอายุ 2 ปี นับแต่วันที่ออก และ
BCPG-W2 จำนวน 89.3 ล้านหน่วย มีอายุ 3 ปี นับแต่วันที่ออก
2) สำหรับผู้ถือหุ้น PP จะได้รับ BCPG-W3 ในอัตราส่วน 2.1924 หุ้นเพิ่มทุน ต่อ 1 หน่วย Warrant (อัตราใช้สิทธิ 1 หน่วย Warrant ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ราคา 8 บาท / Warrant) โดย BCPG-W3 จะมีจำนวนหน่วยรวมทั้งสิ้น 178.6 ล้านหน่วย คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนหากมีการใช้สิทธิเต็มจำนวนทั้งสิ้น 178.6 ล้านหุ้น เป็นจำนวนเงินประมาณ1,428.8 ล้านบาท
โดย BCPG-W3 จำนวน 89.3 ล้านหน่วย มีอายุ 1 ปี นับแต่วันที่ออก
ทั้งนี้ BCPG-W3 จะไม่ได้เข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และหุ้นที่เสนอขายแบบ PP เป็นการเสนอขายในราคาต่ำ ดังนั้น หุ้นที่เสนอขายแบบ PP รวมถึงหุ้นจากการใช้สิทธิจาก BCPG-W3 จะติด Silent Period เป็นเวลา 1 ปี นับจากวันใช้สิทธิ โดยเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือน ให้บุคคลดังกล่าวสามารถทยอยขายหุ้นที่ถูกสั่งห้ามขายได้ในจำนวนร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ถูกสั่งห้ามขาย
การเพิ่มทุนดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อขยายการลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ซึ่งบริษัทฯ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องประกอบกับสถานการณ์ COVID ช่วยสร้างโอกาสการลงทุนให้สำเร็จตามแผนเร็วขึ้น นอกจากนี้เงินเพิ่มทุนบางส่วนจะถูกนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมที่มีอยู่ ทำให้โครงสร้างทางการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าภายใน 5 ปี EBITDA ของบริษัทฯ จะเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 75
ทั้งนี้ ได้มีกลุ่มนักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่มีศักยภาพทางการเงินได้แสดงเจตนารมณ์ เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน เป็นมูลค่ารวมกว่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อแผนการลงทุนของบริษัทฯ และในขณะเดียวกัน บริษัทบางจาก คอร์ปอเรชัน แจ้งว่าคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติสนับสนุนแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบีซีพีจี ซึ่งนอกจากจะเพิ่มเต็มจำนวนในสัดส่วนที่เพิ่มคือวงเงินประมาณ 2,000 ล้านบาทแล้ว ยังพร้อมจองซื้อหุ้นสามัญหากมีหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบีซีพีจี ในเบื้องต้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้กำหนดให้วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับ RO คือวันที่ 15 ตุลาคม 2563 อย่างไรก็ดี การกำหนดสิทธิดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับการได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม 2563 เวลา 13:30 น. ณ อาคาร เอ็มทาวเวอร์ และกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2563 ในวันที่ 8 กันยายน 2563