ตลาดหุ้นอินโดฯ ดิ่งเหว! หยุดซื้อขายชั่วคราว กังวลนโยบายประชานิยม-ค่าเงินอ่อน

ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปั่นป่วน! ดัชนีคอมโพสิตจาการ์ตา (JCI) ร่วงหนักถึง 7.1% ในวันนี้ (18 มี.ค. 68 )  ซึ่งเป็นการดิ่งลงครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 จนต้องสั่งหยุดการซื้อขายชั่วคราวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 สาเหตุหลักมาจากความกังวลของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจอินโดนีเซีย โดยเฉพาะนโยบายประชานิยมของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต และค่าเงินรูเปียห์ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง


ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ:

  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง: ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
  • ข่าวลือการลาออกของรัฐมนตรีคลัง: ข่าวลือเรื่องการลาออกของรัฐมนตรีคลัง ศรีมุลยานี อินดราวาติ แม้รัฐบาลจะออกมาปฏิเสธ แต่ก็สร้างความไม่แน่นอนในตลาด
  • การขาดดุลงบประมาณ: กระทรวงการคลังรายงานว่า ขาดดุลงบประมาณประมาณ 31.2 ล้านล้านรูเปียห์ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2025 ซึ่งคิดเป็น 0.13% ของ GDP แม้ว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2.5% ของ GDP แต่เป็นการขาดดุลงบประมาณครั้งแรกตั้งแต่ปี 2021 ทำให้เกิดความกังวลเรื่องฐานะการคลัง
  • เงินทุนต่างชาติไหลออก: นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 14 มีนาคม นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิสะสมประมาณ 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
  • ค่าเงินรูเปียห์อ่อนค่า: ค่าเงินรูเปียห์อ่อนค่าลง ทำให้ธนาคารกลางต้องเข้าแทรกแซง


สถานการณ์ปัจจุบัน:

  • รัฐบาลอินโดนีเซียออกมายืนยันว่า รัฐมนตรีคลังไม่ได้ลาออก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
  • ดัชนีหุ้นอินโดนีเซียฟื้นตัวขึ้นบางส่วน ปิดตลาดที่ -3.7% ลดช่วงลบจากจุดต่ำสุดของวัน
  • ธนาคารกลางอินโดนีเซียเข้าแทรกแซงค่าเงินรูเปียห์


ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น:

  • ความผันผวนของตลาดหุ้นอาจยังคงมีอยู่
  • ความเชื่อมั่นของนักลงทุนอาจลดลง
  • เศรษฐกิจอินโดนีเซียอาจได้รับผลกระทบในระยะยาว