“RATCH” เปิดแผนปี 68 ปรับพอร์ตสินทรัพย์ใหม่ เน้นลงทุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน

        บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดแผนกลยุทธ์ธุรกิจปี 2568 โดยเน้นปรับพอร์ตสินทรัพย์และขยายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานใน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ที่มีอยู่ พร้อมขับเคลื่อนการลงทุนด้านพลังงานสะอาดเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานในอนาคต  


        นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการทบทวนกลยุทธ์เพื่อให้สอดรับกับโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และการเปลี่ยนแปลงของตลาดพลังงาน จึงมุ่งเน้นการบริหารสินทรัพย์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าแบบเชิงพยากรณ์ (Predictive Maintenance) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งยังมีแผนปรับโรงไฟฟ้าเดิมให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เช่น โครงการ Synchronous Condenser ที่โรงไฟฟ้าทาวน์สวิลล์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งช่วยเพิ่มเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าในรัฐควีนส์แลนด์ รวมถึงพัฒนาโรงไฟฟ้าที่ปลดระวางแล้วและสินทรัพย์ที่ดินให้เป็นโครงการพลังงานใหม่


        สำหรับกลยุทธ์การลงทุน บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด โดยปัจจุบันมีโครงการพลังงานทดแทน 12 โครงการ กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 1,700 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการระบบกักเก็บพลังงานเบอรีล 100 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ฟาร์มมารูลัน 152 เมกะวัตต์ ในออสเตรเลีย รวมถึงโครงการพลังงานลมขนาดใหญ่ เช่น โครงการสปริงแลนด์ 800 เมกะวัตต์ ในออสเตรเลีย และโครงการพลังงานลมใกล้ชายฝั่งซานมิเกล 245 เมกะวัตต์ ในฟิลิปปินส์ ขณะที่ในเวียดนาม บริษัทฯ มีโครงการพลังงานลมเบ็นแจ 39.2 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลมบนฝั่ง 140.45 เมกะวัตต์ ส่วนในประเทศไทยมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์กำลังผลิตรวม 153.97 เมกะวัตต์


        นายนิทัศน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ได้จัดเตรียมงบลงทุน 15,000 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาโครงการใหม่และการขยายการลงทุนในโครงการที่มีอยู่ โดยในปีนี้กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ 3 โครงการสำคัญ ได้แก่ โรงไฟฟ้านวนครส่วนขยายในไทย โรงไฟฟ้าพลังน้ำซองเกียง 1 ในเวียดนาม และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ NPSI ในฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาและพัฒนาพลังงานรูปแบบใหม่ เช่น ไฮโดรเจนสีเขียว พลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก และระบบกักเก็บพลังงาน โดยบริษัทย่อยในออสเตรเลียกำลังพัฒนาโครงการระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Kemerton


        ปัจจุบัน ราช กรุ๊ป มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 10,815 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล 7,843 เมกะวัตต์ หรือ 72.5% และพลังงานทดแทน 2,972 เมกะวัตต์ หรือ 27.5% บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนเป็น 30% ภายในปี 2573 และ 40% ภายในปี 2578 เพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มการใช้พลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้น พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตที่ยั่งยืน