Oh !!!!ตลาดหุ้นสหรัฐ ตกระนาว
ดร กอบศักดิ์ ภู่ตระกูล กรรมการและรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย
เมื่อคืน วันที่10มีนาคม 2568 หุ้นในอเมริกา ตกระนาว
Dow Jones -890 จุด หรือ -2.1%
Nasdaq -728 จุด หรือ -4.0%
แรงสุดของปีนี้ซึ่งหากจะโทษใคร
ก็ต้องโทษ President Trump
ที่พยายามกดดัน ข่มขู่ประเทศต่างๆ ด้วย Tariffs ทั้ง แคนาดา เม็กซิโก จีน
จ้องที่จะจัดการ สหภาพยุโรป เป็นรายต่อไปแต่ที่สำคัญสุดระหว่างทาง เหมือนเด็กเล่นขายของประกาศขึ้นภาษีนำเข้า ชะลอการขึ้น แบบเอาแน่ไม่ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเรียกมาเจรจา พอเขายอม ก็ผ่อนผันให้ 1 เดือนพอครบเดือน ก็ขึงขังประกาศเก็บ แบบไม่มีข้อยกเว้น
ตลาดร่วงครั้น ผู้ประกอบการสหรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ร้องว่า ทำอย่างนี้กระทบ Supply Chain และต้นทุนการผลิตของเขาก็ยอมถอย ประกาศยกเว้น โดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ภายใต้สนธิสัญญาการค้าเสรี USMCA
เรียกว่า ปรับเปลี่ยนเป็นรายวัน On-again ... Off-againเอาแน่ไม่ได้
สร้างความกังวลใจให้กับนักลงทุน
ไม่แน่ใจว่าท่านประธานาธิบดีจะเปลี่ยนใจอะไรอีกวันนี้ จะมีอะไรออกมาอีกหรือไม่ยิ่งล่าสุดมีคนพูดมากขึ้นว่า เศรษฐกิจจะชะลอ หรืออาจจะ Recession
ท่านประธานาธิบดีก็ไม่ปฏิเสธให้ชัดๆ
บอกว่า ทุกอย่างต้องใช้เวลา และมีช่วง Transition นักลงทุนจึงยิ่งกังวลใจ
โหวตด้วยเงินลงทุนของตนเอง ขายสินทรัพย์ต่างๆ ออกมาส่งผลให้ Trump กลายเป็นประธานาธิบดีที่หุ้นตกมากที่สุด ในช่วง 50 วันแรก นับแต่ Global Financial Crisis (2009) ของ Obama
โดย NASDAQ ได้ปรับตัวลดลงจาก Peak เมื่อธันวาคมที่แล้วถึง -13.4% หรือประมาณ 2,700 จุดขณะที่ Tesla ของตัวช่วยสำคัญ มือขวาท่านประธานาธิบดี Elon Musk ก็ตกมาอย่างน่าตกใจประมาณ 53.7% จาก Peak เมื่อธันวาคมที่ผ่านมา
จากกระแสความไม่พอใจใน Elon Musk และใช้การบอยคอต Tesla เป็นส่วนหนึ่งของการประท้วงสหรัฐ ที่มาขึ้น Tariffs กับประเทศเขา และที่ Elon มาลดคน ลดเงินราชการ อย่างไม่เคยมีมาก่อน
เรื่องนี้กำลังกลายเป็นความท้าทาย จุดอ่อนไหวของรัฐบาล Trump
ล่าสุด มีคนถามท่านประธานาธิบดีว่า "ท่านกังวลใจกับหุ้นที่ตกหรือไม่"ท่านตอบว่า "หน้าที่ของผมคือสร้างอนาคตที่แข็งแกร่งให้สหรัฐ ไม่สามารถดูหุ้นเป็นรายวันได้""จีนมีมุมมอง 100 ปี สหรัฐชอบมองแค่ 1 ไตรมาส ... เราต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง สร้างพื้นฐานให้กับประเทศ"
แต่สุดท้าย ก็คงไม่เป็นตามนั้นเพราะทุกคนจะพยายามใช้ประเด็นนี้มาทิ่มแทง
ทำให้ต้องคอยตอบคำถามรายวัน
ระหว่างที่รอ การลดภาษีที่กำลังเข้าสภา ออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับประชาชน ช่วงนี้เมื่อกระเป๋าเงินทุกคนถูกกระทบ ความไม่พอใจ เสียงไม่เห็นด้วย ก็จะเริ่มก่อตัวขึ้น
เสียงสนับสนุนก็จะลดลง กระทบ Rating ของท่านประธานาธิบดีHoneymoon Period ของท่านประธานาธิบดี ก็จะจบลง
เข้าสู่ช่วงใหม่ ที่เสียงแตกแยกมากขึ้น มีเสียงค้านดังมากขึ้น การทำงานก็จะยากมากขึ้นมาติดตามช่วงต่อไป ว่าทุกอย่างจะหมุนไปอย๋างไร
ท่านประธานาธิบดีจะฟันผ่าสิ่งที่ท่านเรียกว่า Transition Period หรือความเจ็บปวดระยะสั้น ไปได้ไหมและมาดูกันว่า หุ้นและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง จะมัดมือ มัดแขนช่วยลด Degree ความรุนแรงของนโยบายของท่านประธานาธิบดีได้บ้างหรือไม่ ในเรื่องต่างๆ รวมถึง Reciprocal Tariffs ที่จะออกมาในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า มาลุ้นกัน
นโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่นคลอดตลาดทั่วโลก โดยเบื้องต้น ทรัมป์ สั่งรีดภาษี แคนาดาและเม็กซิโก 2 ชาติผู้ป้อนน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของอเมริกา ก่อนเลื่อนบังคับใช้ในเวลาต่อมา ก่อนปรับเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ทั้งนี้ทั้ง จีน และ แคนาดา ต่างประเทศตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากอเมริกาเช่นกัน
เวลานี้พวกนักลงทุนมีความกังวลว่าสงครามรีดภาษีจะฉุดรั้งให้เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะกระทบต่ออุปสงค์ทางพลังงาน
ดาวโจนส์ ลดลง 890.01 จุด (2.08 %) ปิดที่ 41,911.71 เอสแอนด์พี ลดลง 155.64 จุด (2.70 %) ปิดที่ 5,614.56 จุด แนสแดค ลดลง 727.90 จุด (4.00 %) ปิดที่ 17,468.32 จุด
เงินไหลเข้าพันธบัตร เทขายหุ้น 7 นางฟ้า Tesla -15%
Nvidia -5.07%
Apple -4.85%
Alphabet -4.60%
Meta -4.42%
Microsoft -3.34%
Amazon -2.36%