GC เร่งพลิกธุรกิจ ลดต้นทุน-เพิ่มรายได้ มุ่งสู่ธุรกิจมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เดินหน้าปรับโครงสร้างต้นทุนด้วย Holistic Optimization รับมือเศรษฐกิจผันผวนและจุดต่ำสุดของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ตั้งเป้าลดต้นทุน-เพิ่มรายได้ 4,500 ล้านบาทต่อปี พร้อมขยายธุรกิจมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ เดินเกมนำเข้าอีเทนจากสหรัฐฯ ลดต้นทุนระยะยาวโดยไม่ต้องปรับโรงงาน ดันมาบตาพุดเป็น Specialty Hub เสริมศักยภาพ allnex และธุรกิจ Bio & Circularity สร้างโซลูชันที่ยั่งยืน
นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GC กล่าวว่า “อุตสาหกรรมในภาพรวมกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน นโยบายสหรัฐอเมริกาที่เปลี่ยนแปลง และภาวะอุปทานส่วนเกินในธุรกิจปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม GC ยังเดินหน้าพลิกธุรกิจ หยุดภาวะขาดทุน และมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและมุ่งขยายไปยังธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ GC มั่นใจว่าคนของเรามีศักยภาพพร้อมที่จะสร้างความแตกต่าง เพื่อปรับธุรกิจให้ตอบสนองต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลง"
GC มุ่งมั่นพลิกผลประกอบการด้วย Holistic Optimization เพื่อเร่งนำธุรกิจกลับสู่สถานการณ์ปกติท่ามกลางจุดต่ำสุดของอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ 4,500 ล้านบาทต่อปี ผ่านการประหยัดค่าใช้จ่าย เสริมสภาพคล่องจากสินทรัพย์ที่มี และปรับปรุงการดำเนินงานให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยมาตรการระยะกลางผ่าน 3 แนวทางสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การเสริมศักยภาพธุรกิจมูลค่าสูง และการเติบโตในธุรกิจที่ยั่งยืน
GC เร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เดินหน้าลดต้นทุน-เสริมความมั่นคงด้านวัตถุดิบ
GC เดินหน้ามาตรการเร่งด่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเสริมสภาพคล่องทางการเงิน โดยบรรลุข้อตกลงจัดหาอีเทนจาก ปตท. เพิ่มขึ้น 20% ในปี 2567 พร้อมบริหารสินทรัพย์ตามแนวทาง Asset Light และลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (Capex)
ในระยะยาว GC เป็นรายแรกที่นำเข้าอีเทนจากสหรัฐฯ สู่ไทย เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นคงด้านวัตถุดิบ โดยจับมือพันธมิตรระดับโลก จัดหาอีเทน 400,000 ตันต่อปี เป็นเวลา 15 ปี โดยโรงงานของ GC สามารถใช้วัตถุดิบนี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติม คาดว่าโครงการจะเริ่มดำเนินการในปี 2572
GC เร่งเสริมแกร่งธุรกิจมูลค่าสูง ดัน Specialty Hub ตอบโจทย์ตลาดเคมีภัณฑ์เฉพาะทาง
GC เดินหน้าพัฒนา allnex SEA Hub ในระยอง โดยอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในเฟสแรก และคาดว่าจะตัดสินใจลงทุนภายในปี 2568 โดยมุ่งเน้น Waterborne Coatings และ Coating Resins ชนิดพิเศษ พร้อมขยายตลาดอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ขณะเดียวกัน allnex เร่งขยายกำลังการผลิต ทั้งในจีนและอินเดีย รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ GC ยังเดินหน้าพัฒนา มาบตาพุดเป็น Specialty Hub เพื่อรองรับธุรกิจมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ โดยร่วมมือกับภาครัฐและพันธมิตรระดับโลก เสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทย พร้อมศึกษาความร่วมมือกับ Toray พัฒนาเคมีภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ สิ่งทอ และอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าการศึกษาแล้วเสร็จในปี 2570
GC เร่งเครื่องสู่ธุรกิจยั่งยืน มุ่งสู่เคมีภัณฑ์สีเขียว-เศรษฐกิจหมุนเวียน
GC เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ด้วยโซลูชันเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับแนวโน้มเศรษฐกิจหมุนเวียนและตลาดโลกที่มุ่งสู่ Net Zero โดยให้ความสำคัญกับ 4 กลุ่มหลักในธุรกิจ Bio & Circularity ได้แก่
✅ โอลิโอเคมี (Oleochemicals) – พัฒนาเคมีชีวภาพจากพืช ทดแทนวัตถุดิบฟอสซิล สำหรับเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล และเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ
✅ พลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) – ร่วมทุนกับ Cargill ผ่าน NatureWorks ผลิต PLA ย่อยสลายได้ สำหรับบรรจุภัณฑ์และสิ่งทอ พร้อมเปิดโรงงานใหม่ปลายปี 2568
✅ พลาสติกรีไซเคิล (Recycled Plastics) – ENVICCO ผลิต rPET และ rHDPE คุณภาพสูง รองรับบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม
✅ เชื้อเพลิงและโพลีเมอร์ชีวภาพ (Biofuels & Biopolymer) – ขยาย Biorefinery ครบวงจร ผลิต SAF (Sustainable Aviation Fuel) สำหรับการบิน และ Bio-chemicals ตอบโจทย์อุตสาหกรรมก่อสร้าง ยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ผู้นำความยั่งยืนระดับโลก
GC ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน ESG ด้วยการติดอันดับ Top 1% ของดัชนี DJSI ต่อเนื่อง 6 ปี รายเดียวในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ระดับโลก พร้อมรับคะแนน ระดับ A จาก CDP ด้านการบริหารจัดการน้ำ 5 ปีซ้อน สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคุณค่าให้กับทุกภาคส่วน