TTA ประกาศผลประกอบการ ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1,323.2 ล้านบาท
กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือและกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งทำกำไรดีต่อเนื่อง
กรุงเทพฯ 28 กุมภาพันธ์ 2568 – บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เผยผลประกอบการปี 2567 มีรายได้จำนวน 32,206.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,323.2 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานที่ดีของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ และกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้ร้อยละ 21 ร้อยละ 57 ร้อยละ 12 ร้อยละ 7 และร้อยละ 3 ของรายได้รวมทั้งหมด ตามลำดับ
TTA ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วยกระแสเงินสดภายใต้การบริหาร จำนวน 8.5พันล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.38เท่า นอกจากนี้ TTA ยังมีกระแสเงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมการดำเนินงานจำนวน 2,527.2 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 2.57 เท่าสะท้อนถึงสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง ภายใต้การบริหารที่มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงิน และรองรับโอกาสในการเติบโตในอนาคต
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA เปิดเผยว่า
โทรีเซน ชิปปิ้ง ยังคงเดินหน้าสร้างผลกำไรควบคู่กับการยกระดับศักยภาพการแข่งขันในระดับโลก โดยในปี 2567 บริษัทได้ติดตั้ง Sealink NextGen บนเรือทั้ง 24 ลำ เปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล เสริมความปลอดภัยทางไซเบอร์ และเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารระหว่างลูกเรือกับทีมสนับสนุนจากฝั่งออฟฟิศ อีกทั้ง บริษัทยังมุ่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรของเรา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทย ผ่านการสนับสนุนกิจกรรมการเสริมทักษะด้านปฏิบัติงานและการสื่อสารผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น ด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้ากับความเชี่ยวชาญของทีมงาน ทำให้ โทรีเซน ชิปปิ้ง ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองชั้นนำระดับโลกที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน
เมอร์เมดฯ มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีมูลค่าสัญญารอส่งมอบสูงถึง 787.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตอกย้ำความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเชื่อมั่นจากลูกค้า โดยหนึ่งในโครงการสำคัญของเมอร์เมดฯ คือ โครงการพัฒนาพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเลเหนือ ซึ่งได้รับสัญญางานวางสายเคเบิลและบริการวิศวกรรมใต้ทะเล สอดรับกับแนวโน้มโลกที่มุ่งสู่พลังงานทดแทน สัญญาเหล่านี้สะท้อนถึงศักยภาพของบริษัท ทั้งในด้านกองเรือ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการมีความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นกับลูกค้า
เมอร์เมดฯ ยังคงมุ่งเน้นตลาดหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ควบคู่ไปกับการมองหาตลาดใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (PMTA) เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งด้วยรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสภาวะตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น ควบคู่กับการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงศักยภาพของ PMTA ในการรักษาสัดส่วนกำไรและความสามารถในการแข่งขันในตลาดอุตสาหกรรมเคมีเกษตรของเวียดนามได้อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของบริษัทที่ต้องการเดินหน้าพัฒนาและปรับตัวให้สอดรับกับโอกาสทางธุรกิจของโลกที่ผันผวนในอนาคต
กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอย่าง พิซซ่า ฮัท ยกระดับความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ของไทย ด้วยการเปิดตัว Napoli Pizza พิซซ่าสไตล์อิตาเลียนแท้ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคด้วยเมนูที่เพิ่มขึ้น ควบคู่กับการขยายกลยุทธ์การตลาดผ่านสื่อและโปรโมชันที่หลากหลาย เสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์และรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด QSR ที่มีการแข่งขันสูง โดยยึดถือวิสัยทัศน์ในการเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคเลือกสรรและเชื่อมั่น ในขณะที่ ทาโก้ เบลล์ เร่งขยายธุรกิจสู่เมืองท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดสาขาภูเก็ตเมื่อปีที่ผ่านมา ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ขยายสาขาเพิ่มเติมซึ่งเป็นสาขาที่สามในพัทยา พร้อมเปิดอีกสองสาขาใหม่ในเชียงใหม่ การได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของแบรนด์ในการขยายฐานผู้บริโภคและเสริมความแข็งแกร่งในตลาดร้านอาหารบริการด่วน (QSR) อย่างมั่นคง
ผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ : โทรีเซน ชิปปิ้งรายงานรายได้ค่าระวางที่ 6,773.3 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปี 2566 เนื่องจากจำนวนเรือเช่าเทียบเท่าที่ลดลง แม้ว่าอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6อย่างไรก็ตาม อัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจฯ เฉลี่ยที่ 14,467 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันยังคงสูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่ 12,921 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อยู่ร้อยละ 12 ในขณะที่อัตราการใช้ประโยชน์เรือยังคงสูงอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 99.9 และสามารถทำอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าสูงสุดที่ 36,343 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขนส่งทางเรือ อยู่ที่ 4,324 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับค่าบำรุงรักษาและการซ่อมแซมเรือที่สูงขึ้น แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่ร้อยละ 17 โดยสรุป โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 1,837.6 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 โดยเป็นเจ้าของเรือจำนวน 24 ลำ (เรือซุปราแมกซ์ 22 ลำ และเรืออัลตราแมกซ์ 2 ลำ) มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,913 เดทเวทตัน และมีอายุเฉลี่ย 16.7 ปี
กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง : บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ เมอร์เมด รายงานรายได้จำนวน 18,148.8 ล้านบาท ในปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 88 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของทุกบริการ โดยเฉพาะงานรื้อถอน (Decommissioning) งานขนส่งและติดตั้ง (Transportation & Installation: T&I) ในส่วนของรายได้งานรื้อถอน งานขนส่งและติดตั้ง เติบโตขึ้นเป็นอย่างมากที่ร้อยละ 235 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เนื่องจากงานนอกชายฝั่งบริเวณอ่าวไทยที่เพิ่มขึ้น รายได้จากงานวิศวกรรมใต้ทะเลเพิ่มขึ้นร้อยละ20 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของงานที่ใช้เรือที่กลุ่มธุรกิจฯ เป็นเจ้าของ เป็นผลมาจากอัตรารายได้รายวันและเรือเช่าระยะสั้นที่สูงขึ้นจากโครงการที่เพิ่มขึ้น โดยสรุป เมอร์เมดฯ รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 277.9 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 39 จากปี 2566 พร้อมทั้งมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบที่แข็งแกร่ง จำนวน 787.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน
กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร : ในปี 2567บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA มีรายได้ที่ 3,847.1 ล้านบาท มีปริมาณการขายปุ๋ยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เป็น 174.8 พันตัน สำหรับปริมาณการขายปุ๋ยในประเทศเวียดนาม คิดเป็นร้อยละ 87 ของปริมาณการขายปุ๋ยทั้งหมด อยู่ที่ 151.2 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 เนื่องจากการฟื้นตัวของความต้องการใช้ปุ๋ยในประเทศเวียดนาม จากราคาปุ๋ยที่ค่อนข้างคงที่ ทั้งนี้ หากพิจารณาตามประเภทของปุ๋ย ปริมาณการขายปุ๋ยเชิงเดี่ยว (Single fertilizer) ลดลงร้อยละ 23 เป็น 32.1 พันตัน และปริมาณขายปุ๋ยเชิงผสม (NPK fertilizer) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เป็น 142.7 พันตัน ในส่วนของรายได้จากผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการเกษตรอื่นๆ (Pesticides) อยู่ที่203.7 ล้านบาท