ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส. ) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และภาคีเครือข่ายพันธมิตรจากภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท. ) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์(วพ.) กระทรวงสาธารณสุขและองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) จัดโครงการ“ Global Business Matching 2020: เปิดโลกการค้าเจรจาธุรกิจพิชิตตลาดส่งออก” ณ โรงแรมโซฟิเทลกรุงเทพสุขุมวิทเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2563 จับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ (Online Business Matching) เพื่อให้ผู้ส่งออก SMEs ไทยในภาคการเกษตรตลอดห่วงโซ่ธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำเริ่มต้นหรือขยายการส่งออกไปยังตลาด CLMV (กัมพูชาสปป. ลาวเมียนมาและเวียดนาม) และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนซึ่งยังมีกำลังซื้อและความต้องการสินค้าส่งออกจากไทยอีกมากท่ามกลางการปรับตัวของผู้บริโภคและภาคธุรกิจจากผลกระทบของโควิด 19 เป็นการส่งเสริมการจ้างงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตรของไทยขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกและการพัฒนาประเทศของไทยและภูมิภาคอาเซียน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธีประธาน ส.อ.ท. และประธานกรรมการ EXIM BANK กล่าวว่าจากเป้าหมายร่วมกันเพื่อยกระดับภาคการเกษตรของไทยซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาทคิดเป็น 10% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศนำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจและสังคมโดยก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นสัดส่วนถึง30% ของกำลังแรงงานทั้งประเทศครอบคลุมกว่า 6.4 ล้านครัวเรือนคิดเป็นพื้นที่กว่า 40% ของประเทศไทย EXIM BANK จึงร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในครั้งนี้“ ต่อยอด” จากกิจกรรมที่ได้ดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมาในการ“ บ่มเพาะ” ความรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs ภาคการเกษตรของไทยให้สามารถผลิตและส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตรและ“ ยกระดับ” โดยประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมในกระบวนการผลิตที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าเพิ่มและได้มาตรฐานสากลตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ช่วยให้สินค้าส่งออกของไทยแข่งขันได้และขยายตลาดในภูมิภาคได้มากขึ้นภายใต้โครงการนี้ EXIM BANK ร่วมกับ ธ.ก.ส. และวว. ดำเนินการ“ บ่มเพาะยกระดับและต่อยอด” อุตสาหกรรมเกษตรของไทยให้ส่งออกและแข่งขันได้ในตลาดการค้าโลกโดยใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญของแต่ละหน่วยงานกล่าวคือ ธ.ก.ส. พัฒนาเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนสหกรณ์การเกษตรและผู้ประกอบการ SMEs ที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้สามารถจำหน่ายได้มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตรโดยความร่วมมือกับพันธมิตรเครือข่ายวว. นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs เกษตรในการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตให้เข้าสู่มาตรฐานสากลขณะที่ EXIM BANK จะสนับสนุนใน 3 ด้าน ได้แก่ ข้อมูลความรู้บริการทางการเงินทั้งสินเชื่อและประกันความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศและเครือข่ายธุรกิจขณะที่ภาคีเครือข่ายพันธมิตรร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อยกระดับผู้ผลิตภาคการเกษตรให้ผันตัวเป็นผู้ส่งออกที่สามารถส่งมอบสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศโดยเฉพาะใน CLMV และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนได้อย่างประสบความสำเร็จด้วยเครือข่ายทางธุรกิจที่เชื่อมโยงครบวงจรตั้งแต่ผู้ผลิตถึงผู้ส่งออกและผู้ซื้อในต่างประเทศทั้งนี้ในปี 2562 ที่ผ่านมาโครงการนี้ประสบความสำเร็จในการจับคู่ธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SMEs ภาคการเกษตรส่งออกไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศเป็นมูลค่าการส่งออกรวมกว่า 500 ล้านบาทนับเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อสร้างผู้ส่งออกรายใหม่ควบคู่กับการส่งเสริมภาคการเกษตรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่างสมดุลและยั่งยืน