เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC เผยความคืบหน้าโครงการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP เวียดนาม ล่าสุดลงนามสัญญาออกแบบ จัดหา และก่อสร้าง (EPC) ถังเก็บก๊าซอีเทน คาดเสร็จปลายปี 2570 โรงงาน LSP เป็นแห่งแรกในอาเซียนที่ใช้ก๊าซอีเทนจากสหรัฐฯ ช่วยลดต้นทุนกว่า 30% เมื่อเทียบกับแนฟทา เพิ่มความยืดหยุ่นด้านวัตถุดิบ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมรองรับการฟื้นตัวของตลาดปิโตรเคมีในภูมิภาค
SCGC เดินหน้าใช้ก๊าซอีเทนลดต้นทุน LSP เวียดนาม
นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ซีอีโอ SCGC เผยว่า บริษัทได้ดำเนินโครงการเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบด้วยก๊าซอีเทน โดยมีการจัดหาก๊าซจากสหรัฐฯ ภายใต้สัญญา 15 ปี พร้อมเรือขนส่ง 3 ลำที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม ทั้งนี้ ห่วงโซ่อุปทานครอบคลุมการซื้อขายอีเทน ท่าเรือส่งออก เรือขนส่ง และถังเก็บเฉพาะที่ออกแบบให้แตกต่างจากกระบวนการก๊าซ LNG และโพรเพน
SCGC เดินหน้าสร้างถังเก็บก๊าซอีเทน รองรับ 1 ล้านตันต่อปี
SCGC คัดเลือกผู้เชี่ยวชาญระดับสากลเพื่อก่อสร้างถังเก็บก๊าซอีเทน โดยกลุ่มกิจการค้าร่วม China Tianchen Engineering Corporation และ PetroVietnam Technical Service Corporation จะดำเนินการสร้างถัง 2 ใบ ขนาด 55,000 ตันต่อถัง รองรับก๊าซอีเทน 1 ล้านตันต่อปี คาดว่าโครงการ LSPE จะแล้วเสร็จตามแผนในปลายปี 2570
LSP เร่งติดตั้งถังเก็บก๊าซอีเทน-เดินหน้าปรับปรุงระบบรองรับวัตถุดิบ
โรงงาน LSP ออกแบบถังเก็บก๊าซอีเทนขนาด 55,000 ตันต่อถัง ด้วยโครงสร้าง 2 ชั้น ป้องกันการรั่วไหล รองรับอุณหภูมิ -90°C อย่างปลอดภัย พร้อมเดินหน้าปรับปรุงกระบวนการผลิตและระบบสาธารณูปโภคควบคู่กัน นอกจากนี้ SCGC ได้ลงนามสัญญาเช่าเรือขนส่งก๊าซอีเทนจากสหรัฐฯ เป็นเวลา 15 ปี รวม 5 ลำ โดย 3 ลำแรกได้ร่วมมือกับบริษัท Mitsui O.S.K. Lines (MOL) เรียบร้อยแล้ว
SCGC ลงทุน 18,000 ล้านบาทในโครงการ LSPE เร่งเสริมศักยภาพแข่งขัน
SCGC ลงทุน 500 ล้านดอลลาร์ (18,000 ล้านบาท) จากแหล่งทุนภายใน เพื่อพัฒนาโครงการ LSPE แม้การนำเข้าก๊าซอีเทนจากสหรัฐฯ มีข้อจำกัด เช่น การสร้างเรือ VLEC และการจัดหาวัตถุดิบระยะยาว แต่บริษัทได้เร่งดำเนินการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดต้นทุนโรงงาน LSP รองรับการฟื้นตัวของตลาดปิโตรเคมีในภูมิภาค