ทำไม Delta ลงแรงส์?
ผลกระทบมาตรการคำนวน Cappeted weight
ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นใหญ่สุด คือ DELTA มีผลต่อดัชนีราว 3 จุด จากความกังวลกระแสข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมจำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวไม่เกิน 10% ในดัชนี SET50/SET100 และหุ้น CPALL ปรับลงจากประเด็นการร่วมลงทุนซื้อ 7-11 ในญี่ปุ่น Overhang อยู่ยังต้องความชัดเจนกันต่อไป
รายละเอียดข้อเสนอแนวทางการปรับปรุงการคํานวณดัชนี SET50/100
จากการหารือเบื้องต้นกับผู้ใช้ดัชนีและผลการศึกษาข้างต้น ตลท. ขอเสนอให้มีการจํากัดน้ําหนักหุ้นรายตัวในดัชนี โดยมีแนวทางดังนี้
- Capped weight สําหรับหุ้นรายตัว ไม่เกิน 10% สําหรับดัชนี SET50/SET100
-สอดคล้องกับข้อมูลในต่างประเทศ และเกณฑ์ ก.ล.ต. ที่กําหนดกรอบการ ลงทุนของ Retail MF ในหุ้นราย ตัวไม่เกิน 10% (ประกาศ ทน. 2/2561)
- เพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกัน ควรมีการ Capped weight หุ้นรายตัวสําหรับดัชนี SET50FF/SET100FF ใน ลักษณะเดียวกัน
- จะมีการ Rebalance น้ําหนักของหุ้นในดัชนีทุกสิ้นไตรมาส และในกรณีที่มีการเปลี่ยนระหว่างรอบคัดเลือก เช่น หุ้น IPO ขนาดใหญ่, M&A โดยการ Rebalance จะอาศัยหลักการที่ มุ่งเน้นการลด Index Turnover ที่ไม่ จําเป็น
หุ้น DELTA ได้รับผลกระทบโดยตรง
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ปัจจุบัน Market Cap SET50 11.7 ล้านล้านบาท, SET100 13.1 ล้านล้านบาท โดยหุ้นที่มี Weight เกิน 10% ใน SET100 SET50 มีแค่ DELTA ตัวเดียวที่มี Market Cap 1.56 ล้านล้านบาท มี Capped Weight เกินใน SET50 3% ใน SET100 2% หากตลาดฯ มีการนําวิธีนี้มาใช้ DELTA จะมีน้ําหนักต่อตลาดน้อยลงแล้วหุ้น ตัวอื่นๆ จะมีน้ําหนักเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หุ้น DELTA และ SET50Futures ผันผวนได้ โดย DELTA ทุกๆ 1 บาทที่เปลี่ยนกดดัน SET และ SET50 1 จุด
หุ้นที่ได้ประโยชน์
บล.เมย์แบงก์ คาดว่า หุ้นที่ได้ประโยชน์คือหุ้นทุกบริษัทในดัชนี SET50 Index จากการถูกกระจายน้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือหุ้นที่มี Market Cap ขนาดใหญ่ที่สัดส่วนต่อ SET50 ต่ำกว่า 10% โดย 5 อันดับแรก คือ PTT ADVANC AOT GULF PTTEP คาดเม็ดเงินไหลเข้าช่วง 64-114 ล้านบาท