ก.ล.ต. นับหนึ่งแบบไฟลิ่ง ‘MR. D.I.Y.’ เตรียมเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 981,482,654 หุ้น



ก.ล.ต. นับหนึ่งแบบไฟลิ่ง ‘MR. D.I.Y. เตรียมเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 981,482,654 หุ้น 

ปูทางสู่การเติบโตในธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ 

 

บมจ.มิสเตอร์ดี.ไอ.วายโฮลดิ้ง (ประเทศไทย) หรือMR. D.I.Y. ผู้นำธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 981,482,654 หุ้น เพื่อข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังสำนักงานก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (Filling) เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568

นายแอนดี้ ชิน กวานกุ้ย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์ดี.ไอ.วายโฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “MR. D.I.Y.”) เปิดเผยว่าการก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้วยการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ในครั้งนี้ ถือเป็นมากกว่าการวางจุดมุ่งหมายความสำเร็จทางการเงิน แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ร่วมเติบโตไปพร้อมกับชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ โดย มิสเตอร์ดี.ไอ.วายได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 9 ปี และก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไป ด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 7.4 ซึ่งตัวเลขส่วนแบ่งตลาดหลักเดียวนี้สะท้อนถึงศักยภาพ และโอกาสในการเติบโตอีกมากในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการขยายสาขาเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ และเสริมสร้างความเป็นผู้นำตลาดของเรา โดยในปี 2567 เราได้เปิดมิสเตอร์ดี.ไอ.วาย.จำนวน 191 สาขา และปี 2568 ตั้งเป้าที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 200 สาขา ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยเรายังคงยึดมั่นในพันธกิจที่จะขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ส่งมอบคุณค่าให้กับทุกภาคส่วน และเสริมสร้างบทบาทของเราในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกที่ลูกค้าไว้วางใจในทุกๆ วันของชีวิต

มิสเตอร์ดี.ไอ.วายประเทศไทย นำเสนอสินค้าประมาณ 15,000 รายการ ใน 6 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ (1) เครื่องใช้ในครัวเรือนและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน (2) อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ (3) เครื่องใช้ไฟฟ้า (4) เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา (5) ของเล่น และ (6) อื่นๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่ครอบคลุมของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ โดยบริษัทฯ ได้สร้างเครือข่ายในการจัดหาสินค้าที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและนำเสนอราคาที่แข่งขันได้ ด้วยการประหยัดต่อขนาด (economies of scale) ซึ่งความยึดมั่นทุ่มเทนี้ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับความคุ้มค่าในทุกการใช้จ่าย นอกจากนี้บริษัทยังมีกลยุทธ์ที่มุ่งเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้บริโภคในตลาดมวลชน (Mass-market Consumers) เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้ามีความเข้าถึงได้และราคาจับต้องได้พร้อมกับพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย

ปัจจุบัน มิสเตอร์ดี.ไอ.วายมีสาขารวม 932 สาขาทั่วประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์การค้าร้อยละ 31 และอีกร้อยละ 69 เป็นรูปแบบสแตนด์อโลน ทำให้ มิสเตอร์ดี.ไอ.วายเป็นผู้ค้าปลีกธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในประเทศ ด้วยเครือข่ายร้านค้าที่ครอบคลุม 74 จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย ผ่านกลยุทธ์การเลือกทำเลที่ตั้งร้านค้าในพื้นที่สำคัญ ทำให้มิสเตอร์ดี.ไอ.วาย. สามารถขยายการเข้าถึงและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าทั่วประเทศได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้มิสเตอร์ดี.ไอ.วาย. ยังมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคชาวไทย ด้วยการให้ความสะดวกสบายผ่านการเลือกทำเลร้านค้าอย่างมีกลยุทธ์ พร้อมสินค้าที่หลากหลายและราคาคุ้มค่าตามคำมั่นสัญญา "Always Low Prices"หรือ ราคาถูกคุ้มเสมอ

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจากที่ MR. D.I.Y. ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบไฟลิ่ง) และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบฟลิ่งแล้วเมื่อวันที่ 23 มกราคม 256ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขายหุ้น IPO โดยจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนพัฒนาและขยายธุรกิจของบริษัทฯ รวมถึงบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของบริษัทฯ ชำระเงินกู้ของบริษัทฯ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไปสำหรับการดำเนินงาน

นายกนต์ธีร์ ประเสริฐวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า  ปัจจุบัน MR. D.I.Y. มีทุนจดทะเบียน 3,038.5 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 6,077,097,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 2,798.5 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 5,597,097,000 หุ้น และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 981,482,654 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ16.31 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้