สภาพัฒน์ โอกาสธุรกิจบริการและอาหารไทยตีตลาดจีน
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร
มองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจของประเทศไทยเนื่องจากประเทศจีน แม้ตั้งเป้าที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำในการผลิตของโลก แต่ภายในประเทศนั้นยังคงขาด 3 ทรัพยากรสำคัญ คือ
1 น้ำมันดิบ (Mining)
2 การบริการ (Services)
3 การเกษตร (Agriculture) หรือ อาหาร
อีกทั้งยังเผชิญหน้ากับความท้าทายภายในหลายประการ โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่นที่พุ่งสูงขึ้นจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา เงินหยวนที่อ่อนค่า ทำให้กำลังซื้อในประเทศตกต่ำจนกระทั่งเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะเงินฝืด อีกทั้งยังมีสัดส่วนกลุ่มประชากรสูงอายุที่สูงมาก ถือเป็นโอกาสให้ประเทศไทยส่งออกอาหารและบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของจีน
“จีน แม้จะมีประชากรมากถึง 20% ของโลก แต่มีพื้นที่เพื่อการเกษตรน้อยกว่า 10% ของพื้นที่ของโลก และมีทรัพยากรน้ำเท่ากับ 6% ของโลก ดังนั้น จีนจึงจะต้องเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เกษตรรายใหญ่ของโลกไปอีกนาน และนี่คือโอกาสที่ประเทศไทยจะใช้ความได้เปรียบในด้านการเกษตรและอาหารในการ ขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจ”
อย่างไรก็ตาม มุมมองต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของโดนัลด์ ทรัมป์ ดร.ศุภวุฒิมองว่า ทั้ง 4 นโยบายจะเข้ามาเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อีกทั้งยังเป็นการสั่นคลอนโครงสร้างระเบียบโลกแบบเดิม เนื่องจากทรัมป์ ได้แสดงความต้องการถอนตัวหรือการลดบทบาทองค์กรหรือความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น NATO, WHO และ COP ซึ่งสหรัฐฯ เคยเป็นผู้สนับสนุนสำคัญมาโดยตลอด
“การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น จึงจะไม่ใช่แค่ Presidential Change แต่เป็น Paradigm Shift และเป็นความไม่แน่นอนระดับโลก”