IAA surveys สิ้นปี 68 SET แตะ 1556 จุด แนะนำ 4 หุ้นเด่น

IAA surveys SET สิ้นปี 68 แตะ 1556 จุด คาดดอกเบี้ยลด

หุ้นเด่น AOT ADVANC BDMS CPALL



นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน รวม 26 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนไตรมาส 1/68 ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้ คาดการณ์ทิศทางหุ้นไทย คาดว่าแนวโน้มไปในทิศทางบวก โดยจะปิดสิ้นไตรมาสแรกที่ 1449 จุด และเมื่อมองตลอดปี จะแกว่งตัวในกรอบ 1322 ถึง 1581 จุด โดยไปปิดสิ้นปี 2568 ที่ 1556 จุด


ด้านคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2567 ของตลาดเฉลี่ยได้ที่ 84.61 บาท ปรับลดจากผลสำรวจครั้งก่อน ซึ่งอยู่ที่ 89.91 บาท ต่อหุ้น และคาดว่า EPS Growth ของปี 2568 เฉลี่ยอยู่ที่ 12.22% ทั้งยังคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2568 ของตลาดเฉลี่ยไว้ที่ 94.95 บาท


สำหรับปัจจัยที่น่าจับตามองเป็นพิเศษในไตรมาส 1/68 คือการเข้ารับตำแหน่งและนโยบายของ Trump ตามมาด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยและการลงทุนของภาครัฐ ทั้งนี้ปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางการลงทุนจนถึงสิ้นปี 2568 มี 4 ปัจจัยบวก คือ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ปัจจัยรองลงมาคือผลประกอบการ บจ.ปี68 ตามมาด้วยเศรษฐกิจภายในประเทศ และ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ


ในขณะที่ปัจจัยลบ คือ ปัจจัยด้าน Fund Flows จากต่างประเทศออกจากตลาดหุ้นไทย รองลงมา ปัจจัยด้านการเมืองในประเทศ ตามมาด้วยปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศ และการลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสำคัญทั่วโลก ตามลำดับ


ในส่วนคาดการณ์การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ในสิ้นปี 2568 ส่วนใหญ่มองว่าจะอยู่ที่ 2.00% โดยในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.25% นั่นเอง 


นักวิเคราะห์แนะนำให้มีการกระจายพอร์ดการลงทุน แบ่งเป็น

เงินสดและเงินฝากระยะสั้น

10.72%

กองทุนตราสารหนี้

22.00%

หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 29.56%

หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย

22.52%

กองทุนอสังหายหรือ REIT

6.90%

ทองคำหรือกองทุนทองคำ

8.10%

สินทรัพย์อื่นๆ เช่น Bitcoin

0.20%


โดยความเห็นการลงทุนต่างประเทศ แนะนำกองทุนหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะ AI-Technology และ Selective Asia เช่น จีน เกาหลี และ เวียดนาม สำหรับในการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน ในหมวดธุรกิจค้าปลีก รับเหมาก่อสร้าง ภาคบริการ การท่องเที่ยว เทคโนโลยีและการสื่อสาร ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธุรกิจยานยนด์ พลังงานและปิโตรเคมี


รายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 4 สำนักขึ้นไป มีดังนี้(เรียงชื่อตามอักษรย่อ)

1. AOT มองว่าได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวฟื้น โดยเติบโตไปตามการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งในปี 2567 ททท.คาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่ 36 ล้าน และปี 2568 ที่ 40 ล้านคน

2. ADVANC มองว่าธุรกิจฟื้นตัว ต้นทุนต่ำลง มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ปลอดภัยจากนโยบายของทรัมป์ และได้ประโยชน์จากกระแส Data center

3. BDMS ได้อานิสงส์จากสังคมสูงวัยที่จะใหญ่ขึ้น คาดกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติยังคงเติบโต

4. CPALL ได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ


สำหรับหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ หุ้นกลุ่มยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมีท้ายที่สุด นักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนำไปยังรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ มีความคุ้มค่ากับงบประมาณ ได้แก่ เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่หนุนศักยภาพการเดิบโตทางเศรษฐกิจ สนับสนุนอุตสาหกรรม New S-Curve ให้เกิดชิ้นในไทย นโยบายกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ สนับสนุนการวิจัยและผลิตสินค้าเทคโนโลยี ส่งเสริมการท่องเที่ยว Entertainment complex รวมถึงลดภาษีนิติบุคคล และตามมาด้านการช่วยเหลือภาคประชาชน ได้แก่ ลดภาษีบุคคลธรรมดา สนับสนุนมาตรการแก้ปัญหาหนี้ และให้ความสำคัญด้านการศึกษา