คุณจันทนิดา สาริกะภูติ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG) เผยว่า แนวทางการระดมทุนของ SCG ผ่านการออกหุ้นกู้มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2542 ปัจจุบันมีสัดส่วนการระดมทุนจากหุ้นกู้ในประเทศถึง 75% จากแหล่งเงินทุนทั้งหมด ซึ่งการออกหุ้นกู้อย่างสม่ำเสมอและโปร่งใสช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ทำให้ SCG สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับนักลงทุนและระดมทุนได้ในต้นทุนที่เหมาะสม ในด้านความยั่งยืนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนถือเป็นความท้าทายใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมซีเมนต์ ซึ่ง SCG ได้พยายามพัฒนา "Low carbon cement" และมีเป้าหมายจะพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ Zero Carbon Emission ในอนาคต อีกทั้ง SCG ต้องเผชิญความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านสู่นโยบาย Net Zero โดยจะต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อผนวก ESG เข้ามาในแผนดำเนินงานขององค์กร ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายเพื่อสอดรับกับกระแสของการเปลี่ยนแปลงของโลกและความคาดหวังของนักลงทุน
คุณนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) เผยว่า CPN เริ่มออกหุ้นกู้ตั้งแต่ปี 2543 เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายโครงการใหญ่ ๆ ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง เช่น การพัฒนาศูนย์การค้า อีกทั้งยังผนวกกลยุทธ์ความยั่งยืนขององค์กรเข้ากับโครงสร้างทุน และเชื่อมโยงไปกับแผนการดำเนินงานอย่างยั่งยืนของบริษัท ปัจจุบันมีการระดมทุนผ่าน ESG Financing คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยของบริษัท เช่น Green Loan/Bond และ Sustainability-linked loan/bond ซึ่งสามารถบริหารจัดการภาระหนี้และต้นทุนในการกู้ยืมได้ดียิ่งขึ้น เพราะมีการวัดผลเทียบกับแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทและความท้าทายสำคัญคือการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท เพื่อสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย อีกทั้งการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี จะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนด้าน ESG ได้มากขึ้นและช่วยส่งเสริมให้เกิดการเติบโตของตลาดตราสารหนี้ไทยได้อย่างยั่งยืน
คุณชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เผยว่า ตราสารหนี้เป็นเครื่องมือสำคัญของการลงทุน และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้กับพอร์ตการลงทุน ซึ่งปัจจุบันตราสารหนี้มีสัดส่วนกว่า 50% ของสินทรัพย์ของกองทุนรวมทั้งหมด สำหรับการลงทุนผ่านกองทุน ThaiESG มีความท้าทายเรื่องของอุปทานที่มีจำกัดและการสนับสนุนหรือแรงจูงใจด้านภาษีให้กับนักลงทุนซึ่งจะทำให้ตลาดตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนเติบโตขึ้น ส่วนความท้าทายสำหรับนักลงทุนคือการเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความเสี่ยงหลากหลาย และต้องใช้การคัดกรองอย่างรอบคอบ รวมไปถึงการจัดการสภาพคล่องรองรับกรณีตลาดผันผวน
คุณแจ่มจันทร์ ศิริกาญจนาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เผยว่า ตลาดตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ยังคงกระจุกตัวอยู่ในบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเพียงส่วนน้อยของตลาดรวม และยังขาดการกระจายตัวในภาคธุรกิจขนาดกลางและเล็ก อย่างไรก็ตามการสนับสนุนของหน่วยงานกำกับ เช่น การออกแนวทางบันทึกบัญชีของสภาวิชาชีพบัญชี การประกาศหลักเกณฑ์ของ กลต. ว่ากองทุนสามารถลงทุนในตราสารหนี้ SLB ได้เหมือนตราสารหนี้ทั่วไปโดยไม่ถือเป็น structure note ซึ่งทำให้สามารถดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้น ทั้งนี้ การสร้างความเข้าใจ ให้ความรู้ และความมั่นใจในตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนยังต้องการการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน และเป็นความท้าทายสำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
การเสวนานี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในการผลักดันและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทยให้เป็นแหล่งระดมทุนและลงทุนที่สำคัญของภาคเศรษฐกิจ รวมถึงกลยุทธ์การดำเนินการของแต่ละองค์กรที่ผนวกประเด็นเรื่องความยั่งยืนเข้ามาในกระบวนการดำเนินงานขององค์กร