Finnomena คว้ารางวัลชนะเลิศนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านเศรษฐกิจ

ฟินโนมีนา คว้ารางวัลชนะเลิศนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านเศรษฐกิจ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการเงินการลงทุน


ฟินโนมีนา (Finnomena) บริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการลงทุนชั้นนำของไทย ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กิจระดับประเทศด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศ ฝั่งนวัตกรรมแห่งชาติด้านเศรษฐกิจ ประเภทวิสาหกิจขนาดใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลาง จากงาน National Innovation Awards 2024 (NIA) เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ


National Innovation Awards (NIA) หรือ รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ จัดขึ้นโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมในประเทศไทย มุ่งเน้นผลงานนวัตกรรมที่โดดเด่น มีศักยภาพในการสร้างคุณค่าหลากหลายด้าน รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของฟินโนมีนาในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการเงินในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการให้บริการด้านการลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนยุคใหม่


นายกสิณ สุธรรมมนัส Chief Strategy Officer ของ Finnomena กล่าวว่า “การได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติในครั้งนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจของทีมงานฟินโนมีนาเป็นอย่างยิ่ง รางวัลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และเป็นแรงผลักดันให้เราเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มของเราให้ดียิ่งขึ้นต่อไป เรามุ่งหวังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการลงทุน ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนที่ใช้งานง่าย สะดวกสบาย และมีประสิทธิภาพ ช่วยให้นักลงทุนทุกระดับสามารถเข้าถึงโอกาสทางการลงทุนได้อย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ เรายังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและแนะนำการลงทุนอย่างใกล้ชิด”


จุดเด่นของฟินโนมีนา ได้แก่ แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ที่จะให้บริการครอบคลุมทุกขั้นตอนของการลงทุน ตั้งแต่การเปิดบัญชี การลงทุน และการติดตามผล มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม รวมไปถึงการมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำการลงทุนอย่างมืออาชีพ ปัจจุบันฟินโนมีนามีสมาชิกมากกว่า 650,000 คน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของทุกกองทุนทุกประเภทที่อยู่ภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ (Asset Under Management: AUM) ประมาณ 45,000 ล้านบาท จากนักลงทุนมากกว่า 150,000 ราย