NIA ปี 2030 ตั้งเป้าอันดับที่ 30 ดัชนีนวัตกรรมโลก
ฝากรัฐพิจารณาจัดสรรงบให้ฝ่าย R&D เพื่อการเติบโตของธุรกิจในไทย
.
ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลกประจำปี 2567 (Global Innovation Index 2024 หรือ GIl 2024) ภายใต้ธีมปลดล็อกศักยภาพผู้ประกอบการเพื่อสังคม (Unlocking the Promise of Social Entrepreneurship) ซึ่งจัดโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) เพื่อวัดระดับความสามารถทางด้านนวัตกรรมของ 133 ประเทศทั่วโลก โดยในปีนี้ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 41 ขยับดีขึ้น 2 อันดับจากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ได้มีการตั้งเป้าหมายในปี 2573 จะขึ้นไปอยู่อันดับที่ 30 ของดัชนีนวัตกรรมโลก อย่างไรก็ตาม ต้องได้รับความร่วมมือจากหลายๆภาคส่วน โดยเฉพาะส่วนของรัฐบาลฯ อย่างการแก้ไขกฎหมาย และภาคการศึกษาที่จำเป็นต้องผลิตบุคคลากรและกำลังคน ครู นักเรียน รวมไปถึงนักวิจัยและพัฒนา นั่นเอง ที่สำคัญที่สุดคือที่งบลงทุนในการทำวิจัยและพัฒนา (Research and Development sector) ที่ในหลายๆประเทศให้ความสำคัญรวมไปถึงลงเงินลงทุนสัดส่วนกว่า 4-5% ของเศรษฐกิจประเทศ (GDP) ในขณะที่ประเทศไทยใช้เพียง 2% เท่านั้นเอง
คุณกริชผกา กล่าวเสริมอีกว่า "การจัดอันดับดัชนี GIl ในปีนี้ให้ความสำคัญกับประเด็นการปลดล็อกศักยภาพผู้ประกอบการเพื่อสังคม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกระแสการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ประกอบการเพื่อสังคมจำนวนมากที่กำลังค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาสังคมที่สำคัญด้วยนวัตกรรม ซึ่งการศึกษาเรื่องนี้ช่วยให้ผู้กำหนดนโยบายนวัตกรรมและโครงการสนับสนุนด้านนวัตกรรมสามารถขยายและปรับปรุงโครงการของ ผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่สามารถขยายขอบเขตการดำเนินงาน เพื่อสร้างผลกระทบในวงกว้างที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"
"ในปีนี้นับเป็นข่าวดีของวงการนวัตกรรมไทยที่ผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก ประจำปี 2567 หรือ GIl 2024ประเทศไทยขยับดีขึ้นมาอยู่อันดับ 41 ด้วยคะแนน 36.9 (เดิมอันดับ 43) โดยประเทศไทยมีอันดับดีขึ้นทั้งปัจจัยเข้าทางนวัตกรรม (Innovation input sub-index) ขยับดีขึ้นมาอยู่อันดับ 41 (เดิมอันดับ 44) และปัจจัยย่อยผลผลิตทางนวัตกรรม (Innovation output sub-index) ขยับดีขึ้นมาอยู่อันดับ 39 อันดับ (เดิมอันดับ 43) ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพของปัจจัยนำเข้าทางนวัตกรรมที่สามารถสร้างผลผลิตทางนวัตกรรมได้ออกมามากกว่าปัจจัยนำเข้าที่ใส่ลงไปเพื่อพัฒนาความสามารถด้านนวัตกรรม ทั้งนี้ ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่าที่คาดหวังตามระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยมีพัฒนาการด้านนวัตกรรมดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มรายได้ปานกลางระดับบน (Upper middle-income economies) ในทุกปัจจัย เมื่อเปรียบเทียบในกลุ่มประเทศกลุ่มรายได้ปานกลางระดับบนจำนวน 34 ประเทศ เช่นเดียวกันในกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 9 จากจำนวน 17 ประเทศ และยังคงอยู่อันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งเกือบทุกประเทศในอาเซียน มีอันดับดัชนี Gil ดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียที่ก้าวกระโดดสูงขึ้น 7 อันดับ อยู่อันดับที่ 54 เวียดนามดีขึ้น 2 อันดับอยู่อันดับที่ 44 และประเทศมาเลเซียดีขึ้น 3 อันดับ อยู่อันดับที่ 33"
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาความสามารถทางด้านนวัตกรรมของประเทศไทยในมิติต่าง ๆ ทั้ง 7 ปัจจัย ประเทศไทยมีอันดับความสามารถด้านนวัตกรรมเพิ่มขึ้นในเกือบทุกปัจจัยจากปีที่แล้ว โดยเฉพาะปัจจัยด้านระบบธุรกิจ (Business Sophistication) ขยับดีขึ้น 2 อันดับ อยู่อันดับที่ 41 โดยตัวชี้วัดสัดส่วนค่าใช้จ่ายมวลรวมภายในประเทศสำหรับการ วิจัยและพัฒนาที่ลงทุนโดยองค์กรธุรกิจต่างๆ (GERD financed by business) ประเทศไทยยังคงครองอันดับที่ 1 ติดต่อกัน 5 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นการลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศที่มุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมในการดำเนินธุรกิจด้วยการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง"
"อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในวันนี้คือ การมารวมตัวกันของเครือข่ายพันธมิตรที่จะร่วมเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นชาตินวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยได้ร่วมแลกเปลี่ยนเสวนา "การพัฒนาระบบนวัตกรรมและการ ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ชาตินวัตกรรม" ประกอบด้วย NIA สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กระทรวงพาณิชย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา (DIP) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) (CEA)และได้รับเกียรติจากผู้แทนองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) มาเข้าร่วมออนไลน์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทย มีความพร้อมและให้ความสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาด้านวิจัย วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม การใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญา และการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผ่านนโยบาย ภารกิจ และโครงการสำคัญของแต่ละหน่วยงาน ดังนั้น กิจกรรมวันนี้ถือเป็นสารตั้งต้นสำหรับความร่วมมือที่จะตามมาระหว่างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อให้เกิดการยกระดับนวัตกรรมอย่างครอบคลุมและเป็นระบบ สอดคล้องกับแนวทางของดัชนีนวัตกรรมโลก (Gll) เพื่อนำประเทศไทยไปสู่ชาตินวัตกรรม" ดร. กริชผกา กล่าวสรุป