นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ข้อมูลว่า “กองทุนวายุภักษ์ 1 ที่เสนอขายกับผู้ลงทุนประเภทหน่วย ก. นั้น ก.ล.ต. เห็นว่า กองทุนนี้มีประโยชน์ต่อตลาดทุน เนื่องจากเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้นของ รัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชนชั้นนำของไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสการลงทุน ให้แก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งสอดคล้องกับบทบาท ด้านหนึ่งของ ก.ล.ต. คือการสร้างความมั่นคง ทางการเงินให้กับประชาชนไทย ด้วยการส่งเสริม การลงทุนระยะยาว โดยการเปลี่ยน การออมเป็นการลงทุน ซึ่งจะตอบโจทย์ financial well-being ได้ ภายใต้ความรู้ความเข้าใจ เรื่องความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เหมาะสมของผู้ลงทุน
อย่างไรก็ดี กองทุนรวมที่กำหนดโครงสร้างผลตอบแทนในลักษณะ waterfall เช่นเดียวกับ กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 มักมีหน่วยลงทุนหลาย class ซึ่งแต่ละ class สามารถกำหนด ให้มีลักษณะและเงื่อนไข ที่แตกต่างกันได้ โดยรวมถึงการที่หน่วยลงทุนบาง class ได้รับเงินปันผลก่อน หรือได้รับเงินปันผล ในอัตราที่แตกต่างกัน หรือสามารถขายคืนหน่วยลงทุนก่อนผู้ถือหน่วยลงทุน class อื่นได้ด้วย
โครงสร้างดังกล่าว มีผลให้บาง class ได้รับผลตอบแทนและการขายคืนหน่วยลงทุนก่อน class อื่น เพื่อลดโอกาสที่จะขาดทุน (downside loss) ซึ่งมักมีข้อจำกัดที่จะได้รับผลตอบแทน ในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่กำหนด (upside gain) ในทางกลับกัน class อื่น จะเพิ่มโอกาส ในการได้รับผลตอบแทนต่ำกว่า class ที่มีสิทธิก่อนหน้า แต่ได้เพิ่มโอกาส ในการได้รับ upside ที่สูงขึ้น
กองทุนรวมประเภทข้างต้นนี้ จึงมีการออกแบบ โครงสร้างผลตอบแทน การจัดการความเสี่ยง ในรูปแบบ ที่เป็นทางเลือก ในตลาดทุนไทย นอกเหนือจากประโยชน์ที่มีมืออาชีพมาบริหารจัดการลงทุน ให้เป็นไปตามนโยบายที่ระบุแล้ว
ดังนั้น หลักการสำคัญคือ บลจ. ต้องเปิดเผยข้อมูลโครงสร้างหรือลักษณะดังกล่าว ไว้อย่างชัดเจนในโครงการจัดการกองทุนรวมและหนังสือชี้ชวน เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ลงทุน เลือกลงทุนได้ตรงตามความต้องการ รวมทั้งการดำเนินการต่าง ๆ ของผู้เกี่ยวข้อง ต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต. และกำกับกระบวนการขาย (sale conduct) ให้ผู้ขายให้ข้อมูล และคำอธิบายตามหนังสือชี้ชวนให้ครบถ้วน”