SENA ปี 67 ปรับลดโครงการ - ยอดโอนลด

SENA ปี 67 ปรับลดโครงการ - ยอดโอนลด กลุ่มอสังหาฯเผชิญปัญหากระแสเงินสดในมือหด 


ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) SENA เปิดเผยว่า ในปี 2567 ได้มีการปรับลดโครงการ จากเดิม 17 เหลือเพียง 13 โครงการ โดยมองว่าในการปรับลดครั้งนี้ความต้องการซื้อในกลุ่มโครงการนี้เยอะพอที่จะเติบโตในปีนี้นั่นเอง โดยที่มี Backlog ประมาณ 7,000 ล้านบาท และมีการรับรู้รายได้มูลค่าราว 3,500 ล้านบาท  


นอกจากนี้ คาดว่ากระแสเงินสดในกลุ่มอสังหาฯน่าเป็นห่วงเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคด้านอสังหาฯ ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่จะมีการผ่อนชำระก่อนสร้างอสังหาฯ (Down Payment)เสร็จกลายมาเป็นการซื้อพร้อมเข้าอยู่ไปเลยนั่นเอง ดังนั้นจึงมองว่าที่ทางกลุ่มอสังหาฯได้มีการออกหุ้นกู้ค่อนข้างสูงนั้นเป็นการระดมทุนเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างนั่นเอง 


ทั้งนี้ยังมีปัจจัยกดดันหลายทิศทางไม่ว่าเป็น เศรษฐกิจไม่ดี การแข่งขันสูงและสินค้าล้นตลาด ทั้งยังมี ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อทางการเงินที่มากขึ้น โดยมียอดปฏิเสธการให้สินเชื่อสูงถึง 60-70% 


อย่างไรก็ตาม ทาง บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ได้มีแผนจัดตั้งบริษัทร่วมทุน กับพันธมิตร 7 ปี “ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป” โดยมีเป้าหมายการขยายธุรกิจและสร้างโอกาสในการเติบโต  ทั้งยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยเป็นหลัก ทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง และพร้อมพัฒนาโครงการให้ครอบคลุมครบทุกเซกเม้นท์ และกระจายอยู่ในทำเลศักยภาพทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยพัฒนาเบื้องต้นไว้ที่ 66 โครงการ รวมมูลค่ารวมประมาณ 83,000 ล้านบาท โดยทาง ฮันคิว ฮันชิน ได้นำเงินเข้ามาลงทุนแล้ว 6,500 ล้านบาท


ด้าน มร.มาซะฮิโกะ โทดะ กรรมการบริหาร บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป กล่าวว่า “ตั้งแต่ปี 2016 ที่บริษัทฯ เริ่มขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ และได้ตัดสินใจเข้าร่วมทุนกับเสนาดีเวลลอปเม้นท์ จากความเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของเสนาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย รวมถึงการมีทิศทางการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกัน ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจร่วมกันในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ เรายังชื่นชมในความเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาลแข็งแกร่งของเสนา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพภายใต้การนำของ ดร.เกษรา และทีมผู้บริหาร รวมถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ที่ได้รับแนวคิดจากญี่ปุ่นมาปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย เช่น บ้านประหยัดพลังงาน (ZEH) และ Condo Low-Carbon และในวันนี้เรายังคงมีความเชื่อมั่นในการบริหารที่มีวิสัยทัศน์และเป็นองค์กรที่มีธรรมภิบาลสูงของเสนา จะส่งผลให้การยกระดับการร่วมทุนในครั้งนี้เติบโตอย่างมั่นคง”