EXIM BANK เผยแผนครึ่งปีหลัง 2567 มุ่งสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว ยกระดับกลุ่มสินค้าฮาลาล-การท่องเที่ยว

EXIM BANK เผยแผนงานครึ่งปีหลัง 2567 เน้นการปล่อยกู้สู่สังคมสีเขียว ครอบคลุมธุรกิจ สินค้าฮาลาลและท่องเที่ยว สร้างความยั่งยืนคืนกำไรกลับสู่สังคม

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK  เปิดเผยถึง แผนงานครึ่งปีหลัง 2567 พร้อมกับการยกระดับสินค้าฮาลาล พื้นที่ภาคใต้ ว่า ในเดือนก.ย.67 มีแผนงานลงพื้นที่ภาคใต้ของไทย เพื่อร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับฮาลาล  EXIM BANK และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสนับสนุนสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการส่งออกที่บุกตลาดตะวันออกกลาง เอเชียใต้และกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งเป็นการทำกิจกรรมร่วมกับจุฬาราชมนตรี และมหาวิทยาลัยสงขลานรินทร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสินค้ากลุ่มฮาลาลไม่เคยมีสินเชื่อที่เฉพาะเจาะจงลงในรายละเอียด มีเพียงธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยแห่งเดียวที่ปล่อยสินเชื่อเพื่อคนมุสลิม ก็ไม่มีการระบุว่าจะขยายอุตสาหกรรมฮาลาลเพื่อบุกตลาดชาวมุสลิมที่มีมากกว่า 2,000 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรโลก ทำให้มองเห็นช่องทางนี้ในการเปิดโลกทัศน์ไปสู่ตลาดการค้าที่สำคัญ

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2567 (ต.ค.-ธ.ค.) EXIM BANK จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ สินเชื่อเกี่ยวกับการท่องเที่ยวสีเขียว การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และสร้างความยั่งยืน ผนวกทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามของไทย ขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย สนับสนุนการมีอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกที่พักและโรงแรม รวมถึงที่พักในตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเล สนับสนุนการติดตั้งโซล่ารูฟท๊อป การรีไซเคิลขยะ การใช้วัสดุอุปกรณ์ในห้องพัก และเฟอร์นิเจอร์รีไซเคิล เนื่องจากการออกพันธบัตรบลูบอนด์ได้สร้างพันธสัญญาว่า จะต้องปล่อยสินเชื่อเพื่อสร้างความยั่งยืนในการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับทะเล แม่น้ำและลำคลอง รวมถึงการขนส่งนักท่องเที่ยวด้วยรถอีวีและการขนส่งรูปแบบอื่น พันธบัตรบลูบอนด์ที่เปิดขายไป 3,000 ล้านบาท แต่วงเงินที่ปล่อยกู้จะประกอบด้วย กรีนบอนด์และบลูบอนด์ผสมกัน โดยในช่วงแรกมีวงเงินอยู่ 5,000 ล้านบาท เพื่อการท่องเที่ยวสีเขียวและยั่งยืน

ประกันภัยเพื่อการส่งออกสิ้นปี2567 จ่อสองแสนล้านบาท

สำหรับภาพรวมการประกันภัยเพื่อการส่งออกในปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องท่ามกลางความเสี่ยงที่ทวีคูณขึ้น โดยเฉพาะผู้การส่งออกขนาดเล็กรายใหม่ ที่มียอดขายไม่เกิน 1 ล้านบาท ถือเป็น 1 ในสินค้าขายดีของไทย เนื่องจากเป็นยอดกรมธรรม์ที่มีเงินจากภาครัฐช่วยสนับสนุน โดยปี 2567 นี้ ยอดการประกันภัยเพื่อการส่งออกปี 2567 ทะลุยอด 1 แสนล้านบาทเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาผู้ประกอบการส่งออกขนาดเล็ก ยอดขาย  1 ล้านบาท เสียกรมธรรม์ 5,000 บาท ก็อยู่ในวิสัยที่ผู้ประกอบการสามารถซื้อประกันภัยเพื่อการส่งออกได้ และหากลูกค้ารายเดิมที่ซื้อสินค้า เริ่มคุ้นชินกับผู้ประกอบการแล้ว ก็จะแนะนำผู้ประกอบการส่งออกว่าไม่ต้องซื้อกรมธรรม์ต่อเนื่องกับลูกค้ารายเดิมๆ  เพราะสามารถรับความเสี่ยงได้ด้วยตนเองได้ นอกจากว่าเมื่อไหร่มีผู้ซื้อจากกลุ่มประเทศใหม่ กลุ่มลูกค้าใหม่ค่อยกลับมาซื้อกรมธรรม์เพิ่ม ทำให้การประกันภัยมีสีสันเพราะไม่ได้บังคับให้ซื้อหรือมีการบังคับขาย

“ที่ผ่านมาการประกันภัยเพื่อการส่งออกจะมีการออกกรมธรรม์ เมื่อผู้ซื้อเบี้ยวไม่จ่ายเงิน ให้มาเก็บเงินที่เอ็กซิมแบงก์ โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ยอดเคลมประกันยังต่ำกว่าระดับ 35% แผนงานของเอ็กซิมแบงก์จึงยังอนุรักษ์นิยมไม่หวือหวา รักษาระดับที่ 35% มั่นใจว่าถึงสิ้นปีจะมีคนมาประกันภัยเพื่อการส่งออกถึง 1.9-2 แสนล้านบาท แต่ต่อไปเอ็กซิมแบงก์จะมีการให้ข้อมูลผู้ซื้อแก่ผู้ส่งออกด้วย”ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ กล่าวในตอนท้าย

อย่างไรก็ตามผลประกอบการ EXIM BANK ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 จะไม่หวือหวา เน้นอนุรักษ์นิยม ดูแลลูกค้าเดิมให้สามารถปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกค้าได้อย่างเหมาะสม เช่น หากประสบปัญหายอดขาย และความเสี่ยงที่เกิดจากอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ดูแลเรื่องการลดหนี้ ผ่อนหนี้ ให้มีงวดผ่อนยาวนานขึ้น สำหรับลูกค้ารายใหม่เน้นเติบโตไปพร้อมกับตอบสนองธุรกิจสีเขียวหรืออนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จะไม่เน้นทำกำไรแต่เพียงอย่างเดียว EXIM BANK มองถึงการทำกำไรกลับคืนสังคม  ในหลายๆรูปแบบ เช่น การสนับสนุนกีฬายิงปืนและเอ็กซ์ตรีม เป็นต้น