ภาคีเครือข่ายภาครัฐ-เอกชน ระดมทุน 640 ล้านบาท จัดตั้งอินโนสเปซ (ประเทศไทย) เตรียมปั้นสตาร์ทอัพกว่า 50 ราย

อินโนสเปซ(ประเทศไทยได้จัดตั้งบริษัทอินโนสเปซ(ประเทศไทยจำกัดและได้ลงนามMOU กับภาคีเครือข่ายองค์กรภาครัฐ-เอกชนสถาบันการเงินและสถาบันการศึกษารวม30 องค์กรเสริมความแข็งแกร่งในการสร้างระบบนิเวศ(Ecosystem) เพื่อสร้างและพัฒนาสตาร์ทอัพตลอดวงจรชีวิตตั้งแต่ระดับPre-Seed ไปจนถึงขั้นUnicorn (สตาร์ทอัพที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า1,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯในสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมายS-Curve ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงสามารถใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ที่เรียกว่าDeep Technology และผลักดันให้อินโนสเปซ(ประเทศไทยเป็นNational Startup Platform ที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนากลุ่มสตาร์ทอัพไทยอย่างครบวงจรช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มสร้างศักยภาพการแข่งขันในระยะยาวโดยอาศัยพันธมิตรที่มีบริการเทคโนโลยีมีเครื่องมือล้ำสมัยและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านพร้อมให้คำแนะนำแก่กลุ่มสตาร์ทอัพของไทย

         นายเทวินทร์วงศ์วานิชประธานที่ปรึกษาบริษัทอินโนสเปซ(ประเทศไทยกล่าวว่าการลงนามMOU กับพันธมิตรทั้ง30 องค์กรจะทำให้สตาร์ทอัพไทยมีความเข้มแข็งมากขึ้นโดยมุ่งบ่มเพาะสตาร์ทอัพในกลุ่มDeep Tech ได้แก่Medical/Health Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านสุขภาพสาธารณสุขอุปกรณ์ทางการแพทย์  และกลุ่มFood Technology / Bio Technology ที่เป็นเทคโนโลยีด้านอาหารและอาหารแปรรูปซึ่งเป็นการต่อยอดจากสิ่งที่ประเทศไทยมีความเข้มแข็งโดยคาดหวังว่าจะสามารถยกระดับสตาร์ทอัพสัญชาติไทยให้ก้าวไปสู่ระดับUnicorn เช่นเดียวกับประเทศอื่นได้และคาดว่าจะสามารถระดมทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาสตาร์ทอัพไม่น้อยกว่า500 ล้านบาทโดยจะมีการลงนามMOU สัญญาร่วมทุนกับหน่วยงานสนับสนุนต่างๆภายในเดือนกรกฎาคม2562 นี้

         นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอินโนสเปซ(ประเทศไทยจำกัด  เข้ามาบริหารงานจัดทำแผนการพัฒนาและคัดเลือกสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพเข้าร่วมนำเสนอไอเดียธุรกิจ(Pitching) ในเวทีสตาร์ทอัพที่ประเทศฮ่องกงเดือนพฤศจิกายนนี้โดยความร่วมมือกับฮ่องกงจะเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และการจับคู่ธุรกิจระหว่างกันเพื่อขยายการลงทุนทั้งในประเทศไทยหรือในฮ่องกงขณะที่ความร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศอิสราเอลและเกาหลีคาดว่าจะมีการลงนามMOU กับอินโนสเปซ(ประเทศไทยภายในเดือนกันยายนนี้ซึ่งอิสราเอลมีความโดดเด่นในการพัฒนาสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเทียบเท่ากับสหรัฐอเมริกาขณะที่เกาหลีเน้นเรื่องการพัฒนาต่อยอดและฮ่องกงมีจุดเด่นเรื่องการค้าที่จะเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมไทยได้ 

          ด้านนายกอบชัยสังสิทธิสวัสดิ์อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) กล่าวถึงความร่วมมือกับประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างKOTRA หน่วยงานดูแลการค้าต่างประเทศและKTS หน่วยงานสร้างสตาร์ทอัพของเกาหลีใต้คาดว่าจะเชื่อมโยงสตาร์ทอัพเกาหลีใต้ที่ทำธุรกิจในประเทศไทย15 รายกับสตาร์ทอัพไทยเพื่อเปิดตลาดการลงทุนระหว่างกันขณะที่ความร่วมมือกับอิสราเอลนั้นจะเป็นรูปแบบเดียวกับทางฮ่องกงและเกาหลีใต้แต่อิสราเอลซึ่งมีจุดเด่นเรื่องDeep Tech จึงตั้งเป้าให้เกิดความร่วมมือสร้างสตาร์ทอัพกลุ่มDeep Tech กับผู้ประกอบการไทยในสาขาได้แก่เทคโนโลยีชีวภาพการเกษตรอาหารการแพทย์และInternet of Thing (IoT) จะช่วยยกระดับเทคโนโลยีการผลิตของกลุ่มSMEs ไทยไปสู่ไทยแลนด์4.0 โดยจะบ่มเพาะผู้ประกอบการตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นธุรกิจไปจนถึงสร้างให้เป็นUnicorn  ดังนั้นภาครัฐจะผลักดันให้เอกชนไทยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนสนับสนุนสตาร์ทอัพกลุ่มDeep Tech ในประเทศไทยมากขึ้นจากปัจจุบัน90% ลงทุนในต่างประเทศและ10% ลงทุนในไทย


         “อินโนสเปซ(ประเทศไทยจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการสร้างและพัฒนาสตาร์ทอัพไทยโดยการเชิญชวนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับด้านต่างมารับฟังแผนธุรกิจเพื่อเปิดโอกาสให้เลือกลงทุนในสตาร์ทอัพแต่ละรายได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านอินโนสเปซ(ประเทศไทยทำให้เกิดความร่วมมือในทุกภาคส่วนโดยยอมรับว่าผู้ประกอบการของไทยมีไอเดียที่ดีแต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจขาดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทำให้ต้องมีหน่วยงานเข้ามาให้คำแนะนำพัฒนาแก้ไขปัญหาและค้นหาศักยภาพ(Coaching) ให้แก่ผู้ประกอบการให้สามารถขยายธุรกิจต่อไปได้ในอนาคตเพราะการมีพันธมิตรที่มีความเก่งเฉพาะด้านที่จะเป็นส่วนเสริมซึ่งกันและกันได้และที่สำคัญยังทำให้รู้ว่าแต่ละหน่วยงานมีเครือข่ายการพัฒนาสตาร์ทอัพอย่างไร” นายเทวินทร์กล่าว

         นอกจากนี้นายเทวินทร์ยังเชื่อว่าการดำเนินงานของอินโนสเปช(ประเทศไทยจะเดินหน้าต่ออย่างแน่นอนไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลหรือใครเป็นรัฐมนตรีเนื่องจากเป็นบริษัทที่ลงทุนโดยองค์กรภาคเอกชนและเป็นบริษัทที่ไม่มุ่งหวังผลกำไรทำให้ทุกรัฐบาลจะพร้อมสนับสนุนเพื่อช่วยยกระดับสตาร์ทอัพไทยให้มีเทคโนโลยีและมีความสามารถในการแข่งขันพร้อมเสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งผลักดันธุรกิจสตาร์ทอัพรวมถึงให้ภาคธุรกิจใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น

 

         อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าขณะนี้หน่วยงานพันธมิตรทั้ง30 องค์กรได้แสดงเจตจำนงให้การสนับสนุนเงินทุนรวมแล้วกว่า640 ล้านบาทอาทิบริษัทปตทจำกัด(มหาชน), บริษัทไทยเบฟเวอเรจจำกัด(มหาชนและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.), บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์จำกัด(ซีพีและบริษัททรูคอร์ปอเรชั่นจำกัด(มหาชนสนับสนุนรายละ100 ล้านบาท

         ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ธนาคารกรุงเทพรายละ50 ล้านบาทเครือสหพัฒน์บริษัทการบินกรุงเทพจำกัด(มหาชน) (บางกอกแอร์เวย์), บริษัทไทยยูเนี่ยนกรุ๊ปจำกัด(มหาชน), ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(SME D Bank) รายละ30 ล้านบาทโรงพยาบาลกรุงเทพสนับสนุน20 ล้านบาทส่วนพันธมิตรรายอื่นขณะนี้อยู่ระหว่างนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทเพื่อขออนุมัติวงเงินโดยในช่วงแรกอินโนสเปซ(ประเทศไทยจะระดมเงินทุน125 ล้านบาทเพื่อใช้ดำเนินงานเบื้องต้น

        ทั้งนี้สำนักงานของอินโนสเปช(ประเทศไทยจะตั้งอยู่ในสถาบันวิทยสิริเมธี(VISTEC) .วังจันทร์.ระยองสำหรับคุณสมบัติของCEO อินโนสเปซ(ประเทศไทยนั้นจะต้องมีประสบการณ์ด้านการบริหารบริษัทสตาร์ทอัพระดับนานาชาติซึ่งอยู่ระหว่างคัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมจำนวนคนพร้อมกับทาบทามให้นายเทวินทร์วงศ์วานิชมาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทคาดว่าจะแต่งตั้งซีอีโอภายใน1-2 เดือนนี้พร้อมตั้งเป้าหมายในปีนี้(2562) จะสามารถสร้างสตาร์ทอัพได้ไม่ต่ำกว่า50 รายและจะคัดเลือกสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพโดดเด่นไปนำเสนอแผนธุรกิจ(Pitch) ในงานที่จัดโดยCyberport ประเทศฮ่องกงช่วงปลายปีนี้ซึ่งถือเป็นเวทีPitching ยิ่งใหญ่ระดับโลก

 

.      รายชื่อ30 หน่วยงานร่วมลงนามMOU อินโนสเปซ(ประเทศไทย)

         สำหรับองค์กรที่ร่วมลงนามในMOU ขับเคลื่อนการดำเนินงานอินโนสเปซ(ประเทศไทยจำนวน30 หน่วยงานประกอบด้วย

         • ภาครัฐและหน่วยงานในกำกับของรัฐได้แก่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ,สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.)

         • รัฐวิสาหกิจได้แก่บริษัทปตทจำกัด(มหาชน), การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

         • ภาคเอกชนได้แก่บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์จำกัดเครือสหพัฒน์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการจำกัด(มหาชน), บริษัทการบินกรุงเทพจำกัด(มหาชน), บริษัททรูคอร์ปอเรชั่นจำกัด(มหาชน), บริษัทเทคซอสมีเดียจำกัดบริษัทไทยเบฟเวอเรจจำกัด(มหาชน), บริษัทไทยยูเนี่ยนกรุ๊ปจำกัด(มหาชน), บริษัทแบงคอกเวนเจอร์สจำกัดสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุนและสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย

         • สถาบันการเงินได้แก่ธนาคารกรุงไทยธนาคารกรุงเทพธนาคารกสิกรไทยธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย

         • สถาบันการศึกษาได้แก่สถาบันวิทยสิริเมธีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตศรีราชาและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

         • บริษัทอินโนสเปซ(ประเทศไทยจำกัด