ธพว.ห่วงใยเอสเอ็มอีไทย พร้อมเดินเคียงข้างไม่ทิ้งกัน ยกขบวนช่วยเหลือฝ่าวิกฤตโควิด-19 ชูแนวทางให้ “ความรู้คู่ทุน” แจงด้านการเงิน เยียวยาลดภาระค่าใช้จ่าย บรรเทาผลกระทบไปแล้วกว่า 4 หมื่นราย และเติมทุนสินเชื่อดอกเบี้ยถูกเสริมสภาพคล่อง จำนวนกว่า 3,300 ราย วงเงินรวม 6.2 พันล้านบาท ควบคู่มาตรการด้านความรู้ ผู้ประกอบการเข้าใช้บริการกว่า 12,800 ราย ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันปรับตัวสามารถก้าวผ่านวิกฤต ปูทางเพื่อความยั่งยืน
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า ธพว.ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อการพัฒนา SMEs ไทย ให้เติบโตและยั่งยืน พร้อมเคียงข้างช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึง ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น สงครามการค้า และภัยแล้งเป็นต้น ตามนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง ซึ่งระยะแรก ธพว.มุ่งมาตรการด้านการเงินเพื่อเยียวยาช่วยเหลือเอสเอ็มอีลดภาระค่าใช้จ่าย สามารถประคองธุรกิจให้อยู่รอด รักษาการจ้างงาน ภายใต้ชื่อมาตรการ "ลด-พัก-ขยาย-ผ่อน-เพิ่ม" โดย ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 มีเอสเอ็มอีไทยเข้าสู่มาตรการแล้ว 9,458 ราย คิดเป็นมูลค่ารวม14,924.63 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มได้รับผลกระทบทางตรง 4,892 ราย คิดเป็นมูลค่า 7,082 ล้านบาท และกลุ่มได้รับผลกระทบทางอ้อม 4,566 ราย คิดเป็นมูลค่า 7,842.63 ล้านบาท
สำหรับ "ลด-พัก-ขยาย-ผ่อน-เพิ่ม" ประกอบด้วย 1.มาตรการลด ลดดอกเบี้ย 1% เป็นเวลา 1 ปี สำหรับลูกค้า 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย 1.ธุรกิจโรงแรม/ห้องพัก 2.ธุรกิจสปา 3.ธุรกิจร้านอาหาร/ภัตตาคาร 4.ธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์และ 5.บริการขนส่งนักท่องเที่ยว ใน 22 จังหวัดหลักตามข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 2.มาตรการพัก ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอชะลอการชำระหนี้เงินต้นให้นานขึ้นจากสิทธิ์อัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจนานสูงสุด 12-24 เดือน 3.มาตรการขยายเวลาชำระหนี้ ให้สอดคล้องตามความสามารถในการชำระหนี้นานสูงสุด 5 ปี 4.มาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้ โดยระหว่างที่พักชำระหนี้เงินต้น ลูกค้าสามารถขอผ่อนปรนการชำระหนี้ของดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นได้ด้วย และ 5.มาตรการเติมทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่อง มีเงินทุนสำรอง ผ่านโครงการสินเชื่อต่าง ๆ เช่น สินเชื่อรายเล็ก Extra Cash สำหรับผู้ประกอบการนิติบุคคลธุรกิจการท่องเที่ยว ได้แก่ธุรกิจทัวร์ ธุรกิจสปา ธุรกิจขนส่งที่เกี่ยวเนื่อง (รถทัวร์ รถบัส รถตู้ รถแท็กซี่ เรือนำเที่ยว รถเช่า) บริษัทนำเที่ยวโรงแรม ห้องพัก และร้านอาหาร วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย ผ่อนชำระนานสูงสุด 5 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก3% ต่อปี และไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ช่วยเสริมสภาพคล่อง ลงทุนปรับปรุง ตลอดจนสำรองเป็นค่าใช้จ่าย ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจ เปิดโอกาสให้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี กลุ่มนิติบุคคล วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท (ลูกค้ามีศักยภาพแต่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงินกู้สูงสุด 1 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ย 3%ต่อปี 3 ปีแรก และกลุ่มบุคคลธรรมดา วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท (ลูกค้ามีศักยภาพแต่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงินกู้สูงสุด 5 แสนบาท) อัตราดอกเบี้ย 5%ต่อปี 3 ปีแรก อีกทั้ง ธพว. ยังช่วยเหลือลูกค้าลดภาระค่าใช้จ่าย ตามนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยชะลอการชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยอัตโนมัติ สูงสุด 6 เดือน ให้ลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท มีลูกค้า ธพว. ชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยอัตโนมัติจำนวน 43,215 ราย คิดเป็นมูลค่ารวม 66,479 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 15 พ.ค.2563 ธพว. ได้เติมทุนเสริมสภาพคล่องให้เอสเอ็มอีไปแล้ว จำนวน 3,329 รายวงเงินรวม 6,231.31 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ธพว. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรดำเนินมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีประกอบด้วย รับมอบนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินมาตรการพักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 12 เดือน กลุ่มเป้าหมายประมาณ 10,000 ราย ภาระหนี้รวม11,800 ล้านบาท และเติมทุนใหม่ ให้แก่ลูกค้ากองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ โดยด้านการพักชำระหนี้เงินต้น เปิดรับคำขอเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา นับถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 มีลูกค้ากองทุนประชารัฐเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 2,834 ราย วงเงินประมาณ 5,300 ล้านบาท ขณะที่ด้านการให้เติมทุนสินเชื่อใหม่ วงเงินรวม 1,700 ล้านบาท จากกระทรวงอุตสาหกรรม คิดอัตราดอกเบี้ย 1% ตลอดอายุสัญญา ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้น 1 ปี ลูกค้ากองทุนฯ ได้รับการเติมทุนกว่า 10,000 ราย