EA ในอีก 5 ปี รายได้จาก Adder หด คาดรายได้จาก EV ขยายตัวและโครงการไฟฟ้าประเทศลาว
.
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ชี้แจงสถานะทางการเงินของบริษัท โดยให้ความสำคัญกับประเด็นกระแสเงินลดลงจากค่า Adder ของโรงไฟฟ้าที่จะทยอยหมดลงนั้น ถึงแม้ว่า Adder จะหมดลง อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทฯ ยังคงมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฯตามปกติ ซึ่งบริษัทยังคงมีกระแสเงินสดเป็นรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
โดยคาดว่าในอีก 5 ปี รายได้จาก Adder จะลดลง 4,000 ล้านบาทแตะ 5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันสร้างรายได้ 9,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ดังนั้นไม่จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการรุกขยายธุรกิจ รวมถึงการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับกับชำระคืนหนี้หุ้นกู้ด้วย โดยบริษัทมั่นใจว่าสามารถจ่ายดอกเบี้ยและชำระหนี้หุ้นกู้ได้ตรงตามกำหนดอย่างแน่นอน โดยยืนยันว่าต่อให้การลงทุนใน NEX หรือ BYD แล้วต้องหยุดกิจการ บริษัทก็ยังสามารถจ่ายคืนเงินกู้ได้ครบถ้วน โดยอัตราหนี้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ที่ 1.5 -1.6 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปกติ นอกจากนี้ทาง Tris rating ยังให้ระดับเครดิตบริษัทฯอยู่ที่ BBB+ ซึ่งอยู่ในระดับ Investment grade
ในส่วนของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ บริษัท NEX ก็ถือเป็นผู้นำตลาดของเมืองไทยที่มีคู่ค้า พันธมิตร ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ให้การยอมรับ และพร้อมที่จะมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและใช้บริการของ NEX และขอยืนยันว่า EA ได้เตรียมเงินสดไว้เพียงพอสำหรับการเพิ่มทุนของ NEX ในครั้งนี้ เพื่อช่วยให้ NEX มีฐานทุนที่แข็งแรงสำหรับการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตต่อไปได้
สำหรับหุ้นเพิ่มทุนที่ขาย PP ให้กับนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ได้รับการยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะใส่เงินเพิ่มทุน เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจร่วมกับ EA โดยในปัจจุบันราคาหุ้น EA ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง (Valuation) ของธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท อย่างธุรกิจ แบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานทดแทน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมสัดส่วนรายได้ในปี 2567 คุณสมโภชน์ มองว่าสัดส่วนรายได้ที่มาจากรถพลังงานไฟฟ้าจะกลับมาเติบโตขึ้นจากการส่งมอบสินค้าที่สูงขึ้น เนื่องจากทาง NEX ได้มีการพูดคุยกับพันธมิตรทางประเทศจีนเรื่องการรับจ้างผลิตพาหนะพลังงานไฟฟ้าทั้งในรูปแบบยานยนต์ขนาดเล็กและขนาดขนส่ง โดยขึ้นอยู่กับทางคู่ค้า
นอกจากนี้ ทาง EA ได้เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นและรับหน้าที่บริหารโครงการศูนย์ผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับทางประเทศลาว ภายใต้โครงการ Lao’s Renewable Super Holding ที่คาดว่าจะช่วยดึงสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานกลับมา โดยจะรับรู้รายได้จากโครงการนี้ภายใน 1 ปี
ขณะเดียวกันในส่วนของโรงงานแบตเตอรี่ของ EA ซึ่งหลายฝ่ายกังวลเรื่องความสามารถการแข่งขัน หลังจากราคาแบตฯ ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาบริษัทฯและพันธมิตร ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี และได้ทำการศึกษาพร้อมกับปรับปรุงเทคโนโลยีที่ใช้ในกระบวนการผลิต จนขณะนี้ทำให้ต้นทุนปรับลดลงอยู่ใกล้เคียงระดับที่สามารถแข่งขันได้ เนื่องจากสามารถเข้าถึงชิ้นส่วนประกอบในราคาถูก โดยได้รับอานิสงส์บวกมาจากสถานการณ์การกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมิริกาฯและจีนนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เตรียมแผนรองรับโดยการขับเคลื่อนธุรกิจไปในทิศทางที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการหาโปรเจคใหม่เพื่อสร้างรายได้อื่นๆ เพิ่มเติม จากการขยายการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งใน และต่างประเทศด้วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะในจังหวัดภูเก็ตขนาด 9.9 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2569 ขณะเดียวกันยังได้มีการเซ็น PPP ตั้งศูนย์จัดการขยะบนพื้นที่เกาะล้าน โดยมีสัญญาระยะ 5 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานเชิงรุกที่มีอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน EA ยังมี Product Champions อาทิ การจับมือพันธมิตรแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF), ความร่วมมือกับ CRRC Dalian ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ผู้นำธุรกิจรถไฟความเร็วสูงของจีน ร่วมผลิตหัวรถจักรไฟฟ้า,เป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ (Commercial EV) และสถานีชาร์จของบริษัทได้รับการจดสิทธิบัตร ultra-fast charge ในระดับโลก มีหัวชาร์จมากกว่า 2,000 จุดครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ
ตลอดระยะเวลา 20 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา EA เป็นบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจใหม่และเป็นกระแสโลกเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ เป็นเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่รวมถึงเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้านับตั้งแต่การผลิตแบตเตอรี่ Li-ion การประกอบ รถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถหัวลากไฟฟ้า เรือไฟฟ้ารวมถึงสถานีชาร์จที่มีครอบคลุมหลายพื้นที่
ทางด้านรถโดยสารไฟฟ้าของบริษัท ไทยสมายบัส จำนวน 2,000 คัน ได้ให้บริการมีผู้โดยสารใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉลี่ยจำนวนผู้โดยสารขณะนี้ประมาณ 350,000 คน/วัน เชื่อว่าภายใน 1 ปีจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้
#EA #พลังงานบริสุทธิ์ #NEX