“BDMS” ทุ่มเงินกว่า 200 ลบ. ชูความเชี่ยวชาญผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ พร้อมยกระดับการรักษาผู้ป่วย

โรงพยาบาลกรุงเทพ ผู้ให้บริการทางการแพทย์ และการรักษาพยาบาลชั้นนำของประเทศไทย ลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เปิดศูนย์การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ “The da Vinci Xi” หนึ่งในเทคโนโลยีการผ่าตัดผ่านกล้องแบบแผลเล็ก (Minimal Invasive Surgery: MIS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ลดความเสี่ยงให้ผู้ป่วยผ่าตัด เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ตอกย้ำเป้าหมายสำคัญในการก้าวขึ้นเป็นโรงพยาบาลชั้นนำด้านหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดในระดับภูมิภาคอาเซียน 

นายแพทย์เอกกิตติ์ สุรการ รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลกรุงเทพ เปิดเผยว่า การลงทุนในครั้งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพ ประสิทธิภาพ และความแม่นยำให้กับการรักษาผู้ป่วยของโรงพยาบาล ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอกย้ำความมุ่งมั่นของโรงพยาบาลกรุงเทพในการเป็นโรงพยาบาลชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน และเป็นหมุดหมายสำคัญด้านการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ที่ทันสมัย โดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ

การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ The da Vinci Xi ช่วยให้การผ่าตัดมีความแม่นยำ รักษาได้ตรงจุด โดยเฉพาะการผ่าตัดในบริเวณที่มีความซับซ้อน และเข้าถึงยาก ช่วยลดความเสี่ยงให้กับผู้ป่วยระหว่างการรักษา ลดความเจ็บปวด อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้นภายหลังการผ่าตัด และช่วยให้แพทย์สามารถผ่าตัดได้ประณีตละเอียดขึ้นในหลายโรค โดยเฉพาะกับโรคที่มีความซับซ้อน อาทิ โรคที่เกี่ยวกับทรวงอก โรคที่เกี่ยวกับระบบช่องท้อง โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ ต่อมไธมัส มะเร็งปอด มะเร็งตับ รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวกับนรีเวช ภาวะก้อนที่รังไข่ ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เป็นต้น”

ที่ผ่านมาโรงพยาบาลกรุงเทพ ประสบความสำเร็จมากกว่า 200 ราย ในการนำเอาระบบหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเข้ามาช่วยรักษาผู้ป่วย ซึ่งมีข้อดีคือ ผู้ป่วยสูญเสียเลือดน้อยลง ระยะเวลาการฟื้นตัวสั้นลง ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อลดลง และอัตราการกลับเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ลดลง ในการผ่าตัดเฉพาะทางบางโรค เช่น การผ่าตัดเพื่อรักษาการทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะในผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก และผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองในผู้ป่วยมะเร็งปอด หุ่นยนต์ช่วยให้ผ่าตัดไม่กระทบหรือทำลายเส้นประสาท ส่งผลให้ผลการรักษาและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น

“เรามุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพด้านการผ่าตัดรักษาผู้ป่วย โดยทีมศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ  ท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคที่มีผลกระทบต่อการดูแลรักษาสุขภาพของคนทั่วไป เช่น การอัตราการเติบโตของโรคมะเร็งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยของแต่ละประเทศ และความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพ” นพ. เอกกิตติ์ กล่าว

“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่อย่างหุ่นยนต์ผ่าตัด The da Vinci Xi  จะมีต้นทุนที่สูงและอาจมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น สำหรับผู้ป่วยมีผลลัพธ์ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสิทธิภาพในการรักษาผ่าตัดที่แม่นยำ ลดภาวะแทรกซ้อน ช่วยให้คนไข้ฟื้นตัวเร็ว และรักษาโรคได้ตรงจุด ลดค่ารักษาพยาบาลได้ในระยะยาว” ผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิประกันที่ขยายความคุ้มครองสำหรับการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ครอบคลุมการรักษา ทำให้การรักษาขั้นสูงนี้เข้าถึงได้ง่ายและคุ้มค่ายิ่งขึ้น

สำหรับโปรแกรมการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์รองรับผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ต้องการเข้ารับการผ่าตัดแบบแผลเล็กขั้นสูง นอกจากนี้มีบริการให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล เพื่อช่วยเหลือแนะนำผู้ป่วยที่มารับบริการ ปลดล็อคความกังวลด้านค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่ตัดสินใจง่ายไม่แตกต่างจากการการผ่าตัดแบบส่องกล้อง

สิ่งที่ทำให้โรงพยาบาลกรุงเทพแตกต่างในฐานะผู้นำศูนย์การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ การลงทุนสูงในเทคโนโลยีการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ที่ทันสมัย ผสานความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่ผ่านการฝึกอบรมขั้นสูง ร่วมกับแนวทางการดูแลโดยทีมบุคลากรสหสาขาวิชาชีพ วางแผนการดูแลรักษาผู้ป่วยเฉพาะบุคคล รวมไปถึงการสร้างความร่วมมือกับศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์จากทั่วโลกเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพิ่มพูนทักษะการดูแลผู้ป่วยให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น

การลงทุนในการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ของโรงพยาบาลกรุงเทพนั้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งเป็นโรงพยาบาลชั้นนำในเอเชีย นพ.เอกกิตติ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "แผนงานระยะ 5 ปีของเรา คือการขยายขีดความสามารถในการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น ศัลยกรรมหู คอ จมูก ควบคู่ไปกับการลงทุนด้านพัฒนาทักษะ การศึกษาและอบรมเพื่อให้โรงพยาบาลกรุงเทพก้าวขึ้นเป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศด้านการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ระดับโลกในอนาคต"

#โรงพยาบาลกรุงเทพ #BDMS #บริการทางการแพทย์ #ข่าวประจำวัน #Stockreview