CEO ปตท. โชว์วิสัยทัศน์ ขับเคลื่อน ปตท. ให้แข็งแรง ควบคู่กับ Net Zero


 

วันนี้ (14 มิถุนายน 2567) – ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตทจำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยวิสัยทัศน์  ปตทแข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน” หรือ “TOGETHER FOR SUSTAINABLE THAILAND, SUSTAINABLE WORLD” ดำเนินธุรกิจบนหลัก                       ความยั่งยืนอย่างสมดุล” ให้เหมาะกับบริบทองค์กรทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี

มุ่งให้ ปตทเป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล บริหารองค์กรด้วยความโปร่งใส มีการกำกับดูแลที่ดีมีธรรมาภิบาล

ขณะที่ ทิศทางและกลยุทธ์ของกลุ่ม ปตท. (PTT Group Direction and Strategy) เน้นการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน สร้างการเติบโตทางธุรกิจ ควบคู่กับการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างสมดุล เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี .. 2593ประกอบด้วย 5 แนวทาง ได้แก่

1. ยกระดับความสามารถทางการแข่งขันให้กับธุรกิจที่มีอยู่เดิม (Competitiveness Enhancement: Existing
Business) 
ทำธุรกิจให้แข็งแรง ปรับ Portfolio โดยหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพพร้อมต่อยอดสร้างการเติบโตในเรื่องที่ถนัดแบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่

กลุ่มธุรกิจ Hydrocarbon and Power ประกอบด้วย

ธุรกิจสำรวจและผลิตสร้างความต่อเนื่องมั่นคงทางวัตถุดิบ จัดหา source ใหม่ที่มีต้นทุนต่ำ        สร้างผลตอบแทนที่ดี และต้องสร้างการเติบโต Hydrocarbon ควบคู่กับการทำ Decarbonization

ธุรกิจก๊าซธรรมชาติสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจเดิม ซึ่งต้องมีความ Competitive และ Leanแสวงหา Alternative Source ทั้ง Pipe gas และLNG และมีต้นทุนที่แข่งขันได้และต้องAlignment การทำงานร่วมกับภาครัฐ

ธุรกิจไฟฟ้าภารกิจหลักคือการสร้างความมั่นคง และรักษา Reliability ให้กับกลุ่มปตท.พร้อมกับการจัดหาพลังงานสะอาดเพื่อช่วยDecarbonization & Net Zero ของกลุ่ม ปตท.และแสวงหาโอกาสสร้างการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ

ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นสร้างความแข็งแรง เติบโตร่วมกับ Strategic Partner รวมทั้งCompetitiveness ด้าน Cost & Feedstock Flexibility ต้องมีการ Synergy Enhancement and Optimization ทั้งกลุ่ม ปตทรวมถึงการมุ่งเน้นสร้างการเติบโตในHigh Value & Low Carbon Business

ธุรกิจค้าปลีกมุ่งเน้นการลงทุนที่มี Substance มีความสำคัญต่อผลประกอบการและเป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่ Asset light

ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศต้องสร้าง Synergy ภายในกลุ่ม ปตทยกระดับขยายผลทั้งในและต่างประเทศ

กลุ่มธุรกิจ Non-Hydrocarbon Business ที่เป็น New S-Curve หรือธุรกิจใหม่ มีหลักในการดำเนินธุรกิจ ดังนี้

• กลยุทธ์ที่ทำเรื่อง EV / Life Science & Healthcare / Digital มีความสอดคล้องกับGlobal Megatrends                แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว องค์กรจึงต้องปรับตัวเร็ว และต้อง Revisit

  

• Revisit value chain ว่า area ใด มีความน่าสนใจมีอนาคต และเป็นประโยชน์ต่อปตทและประเทศไทย หรือ area ใดที่ ปตทมีจุดแข็งสามารถ Synergy ในกลุ่ม ปตทเพื่อที่จะสร้างความแตกต่างได้ 

ประกอบด้วย

ธุรกิจ EV และ Logistics ต้องเข้าใจ value chain เลือกเล่นใน space ที่เหมาะสม 

ธุรกิจ Life Science ร่วมมือกับพันธมิตรสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ

ธุรกิจ Industrial AI ต้องยกระดับ ขยายผลทั้งกลุ่ม ปตทช่วยให้ธุรกิจเดิมเข้มแข็งและต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่ 

2. สร้างการเติบโต หาโอกาสทางธุรกิจใหม่  (Growth: New Business & Opportunity) ต่อยอดสร้างการเติบโตในธุรกิจ โดยเฉพาะด้านความยั่งยืน คือ ธุรกิจไฮโดรเจนและคาร์บอน (Hydrogen and Carbon Business Integration Strategy) สร้างการเติบโตต่อยอดจากเป้าหมาย Decarbonization มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบบูรณาการทั้งกลุ่มปตทโดยกำหนดบทบาทหน้าที่ชัดเจนและมีเป้าหมายร่วมกัน ใช้จุดแข็งของทุกบริษัทในกลุ่ม โดยมี ปตทเป็นผู้กำกับดูแลภาพรวม ร่วมผลักดันและขับเคลื่อนให้สำเร็จเป็นโอกาส Transform ธุรกิจเดิมของกลุ่มปตทให้มีAdvantage เพิ่มขึ้น และสามารถพัฒนาเป็นธุรกิจใหม่

3. สร้างความชัดเจนในแนวทางความยั่งยืน(Sustainability) ทุกมิติ ด้วยการบูรณาการเข้าไปในธุรกิจ ผสานการบริหารจัดการ Portfolio และ Net Zero เข้าด้วยกันทั้งกลุ่มปตทมุ่งสู่การเป็น Net Zero Company ควบคู่กับการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว และสร้างคุณค่าสู่สังคม ผ่านแนวทาง ปรับ Portfolio การลงทุนและปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีความยืดหยุ่น สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ลดการใช้พลังงาน เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด และชดเชยคาร์บอน ด้วยเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CCS) และโครงการปลูกป่า 

4. สร้างปัจจัยที่ทำให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม (Enablers for Transformation) ได้แก่                             สร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เป็นเลิศ(Operational Excellence) เพื่อพัฒนาขีดความสามารถเนื่องจากมีปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อธุรกิจ จึงควรมุ่งเน้นทำสิ่งที่ควบคุมได้อย่างเข้มข้น ต้องสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน               (Build core resilience) ลดต้นทุน โดยการยกระดับ Operation & Efficiency ด้วยการนำเทคโนโลยี ดิจิทัล และ AI                               มาประยุกต์ใช้ โดยมีแผนงานและเป้าหมายที่ชัดเจน และขยายผลทั่วทั้งกลุ่ม ปตทอีกทั้ง ต้องทำLean Organization ร่วมกับ Digital Transformationซึ่งต้องเริ่มในวันที่องค์กรยังแข็งแรง จัดลำดับความสำคัญ เริ่มทำโครงการที่เห็นผลลัพธ์เร็ว เพื่อให้เกิดการยอมรับในทุกระดับ และต้องสร้างความเข้มแข็งด้านCulture สร้างความตระหนักปลูกฝังให้พนักงานกล้าที่จะปรับและพร้อมที่จะเปลี่ยนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

5. รักษาพื้นฐานสำคัญ มุ่งเน้นธรรมาภิบาลและการกำกับกิจการที่ดี บริหารองค์กรด้วยความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล ยึดถือ 

"ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปตทต้องปรับตัว มีความคล่องตัว และมุ่งมั่นรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย พร้อมมุ่งสู่การเติบโตขององค์กรในระดับโลกอย่างยั่งยืนต่อไปดร.คงกระพันกล่าว

 

สำหรับแผนกลยุทธ์ของปตท.รวมถึงแผนการลงทุนใหม่  เบื้องต้นคาดว่าจะมีการทบทวนกับกรรมการบริษัทภายในเดือน ..นี้ หลังจากนั้นก็น่าจะเห็นความชัดเจนของแผนงานต่าง  ของกลุ่ม ปตท.ได้ภายในช่วงเดือน ..หรือ ..67