SET กองทุน LTF ตัวช่วยดึงเงินทุนระยะยาวเข้าระบบ เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าไทยตั้งแต่เมษา
.
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เปิดเผยมุมมองความคิดเห็นต่อข้อเสนอของกระทรวงการคลังที่จะมีการดึงกองทุน LTF กลับมาใช้ โดยทางตลาดหลักทรัพย์ประเมินว่าจากข้อมูลในอดีตกองทุน LTF เคยสร้างเงินทุนระยะยาวให้กับตลาดทุนมากถึง 4-5 หมื่นล้านบาทต่อปี เป็นตัวช่วยสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจของประเทศให้ดีมากขึ้น
เนื่องด้วยในปัจจุบัน บทบาทของผู้ลงทุนในฐานะสถาบันจำนวนปรับลดลงเรื่อยๆ จากเดิมเคยมีสัดส่วนลงทุนในตลาดทุนอยู่ที่ 11% ได้ลดลงมาเหลือ 8% ซึ่งเป็นจุดเตือนให้มีการออกมาตรการกระตุ้นซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการหารือกันอยู่นั่นเอง
นอกจากนี้ กองทุน Thai ESG ทั้ง 30 กองทุน จาก 16 บลจ. ยังได้รับผลตอบรับอย่างก้าวกระโดดซึ่งสะท้อนให้เห็นจากตัวเลขที่เข้าลงทุนในช่วงการขาย 15 วันในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา กว่า 106,000 บัญชี โดยเฉพาะส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยเพิ่งเริ่มทำงาน (First Jobber นั่นเอง) หรือกลุ่มคนอายุน้อย จากเหตุนี้ส่งผลให้มีบริษัทที่ให้ความร่วมมือในการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยคาร์บอนและเข้าสู่การตรวจสอบมากขึ้น 30% หรือ 100 บริษัทจดทะเบียนอีกด้วย เนื่องจากเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการถูกคัดเลือกเข้าไปสู่ ESG Rating และคัดเข้าไปในกองทุน THAI ESG ตามลำดับนั่นเอง
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่าในช่วงปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงวิกฤตของประเทศไทยรวมไปถึงต่างประเทศ ทั้งนี้ก็มีสัญญาณการการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเนื่องจากรัฐบาลได้มีการจัดสรรและเริ่มมีการใช้งบประมาณมากขึ้นนั่นเองจะส่งผลทางบวกต่อเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวได้ในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกเองก็มีความชัดเจนเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาน้ำมัน รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยเริ่มมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยสัญญาณทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกนั่นเอง
การไหลเข้าของเงินต่างประเทศ เริ่มใหลเข้ามาในกลุ่ม emerging market นั่นรวมไปถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน - ต้อนเดือนพฤษภาคม 2567 ตลาดทุนไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัว นักลงทุนเริ่มให้น้ำหนักในการลงทุนในหุ้นประเทศไทยมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงสิ้นเดือนเม.ย. 67 SET Index ปิดที่ 1,367.95 จุด ปรับลดลง 0.7% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ทั้งนี้ปรับลดลง 2.7% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า
ในเดือนเม.ย.67 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 66 ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนมี.ค. 67 มาอยู่ที่ 44,448 ล้านบาท แม้ว่าลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 3,787 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 24
Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือน เม.ย.67 อยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียที่อยู่ในระดับ 12.2 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 17.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.5 เท่า
อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนเม.ย.67 อยู่ที่ระดับ 3.40% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.18%
ทั้งนี้ ในเดือน เม.ย.67 ผู้ลงทุนมีความกังวลกับความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบโลกและทองคำปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งอาจทำให้เงินเฟ้อลดลงช้ากว่าคาด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นสวนทางกับดัชนีหุ้นสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีมติคงดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งจากถ้อยแถลงของประธานเฟด คือ Jerome Powell มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น ขณะเดียวกันได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกในอนาคต ทำให้ผู้ลงทุนปรับความน่าจะเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอยู่ที่ 1-2 ครั้งในปีนี้
ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวผันผวน โดยอ่อนค่านำสกุลเงินภูมิภาค ตามการคาดการณ์ทิศทางนโยบายการเงินของเฟด ประกอบกับภาคการส่งออกยังมีแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง
แต่เศรษฐกิจไทยในปี 67 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นจากปีก่อน โดยได้รับแรงสนับสนุนต่อเนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว รวมทั้งมีการคาดการณ์ว่าจะมีแรงส่งจากการใช้จ่ายภาครัฐที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี จากทั้งรายจ่ายและการลงทุนของรัฐบาลที่เคยหดตัวตาม พ.ร.บ. งบประมาณปี 67 ที่ล่าช้าทำให้นักวิเคราะห์ปรับ Forward EPS ของ SET เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนหน้า ขณะที่ valuation ของหุ้นไทยหลาย sector ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต
#SET #ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย #ตลท