SCB CIO แนะนำ 7 กลยุทธ์การลงทุนด้วย ESG เพื่อช่วยวางแผนการลงทุน
1. Negative Screening - การคัดกรองเชิงลบ วิธีนี้จะเน้นคัดกรองบริษัท หรือกิจการที่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างมีนัยสำคัญ เช่น กิจการที่อาจขัดต่อหลักจริยธรรม การปล่อยคาร์บอนในปริมาณที่สูง รวมถึงกิจการที่มีผลการดำเนินงานด้าน ESG ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน เป็นต้น
2. Best-In-Class Screening - การคัดเลือกบริษัทที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือตลาดเดียวกัน หรือกำหนดหลักเกณฑ์ ESG ในการคัดกรองที่เฉพาะเจาะจง
3. Portfolio Tilt - การให้น้ำหนักบนพอร์ตโฟลิโอโน้มเอียงไปยังสินทรัพย์ที่มี ESG มากกว่าสินทรัพย์ที่ไม่มี ESG โดยจะยังเน้นรักษาสัดส่วนน้ำหนักในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ให้ใกล้เคียงกับดัชนีเป้าหมายเอาไว้
4. ESG Integration - การบูรณาการประเด็น ESG หรือก็คือ การเลือกบริษัทที่นำเอาประเด็น ESG เข้าไปผนวกอยู่ในกระบวนการลงทุนของบริษัทด้วย เพื่อจะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนให้พอร์ตลงทุนได้
5. Shareholder Action - การมีส่วนร่วมหรือใช้อำนาจในฐานะผู้ถือหุ้น สำหรับการสนับสนุนโครงการริเริ่มสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ ESG ที่บริษัทลงทุนอยู่ เพื่อค้นหาโอกาสจาก ESG
6. Activist Investing - การลงทุนเชิงรุกโดยการเข้าซื้อหุ้น เพื่อเข้าไปเปลี่ยนวิธีการดำเนินงาน โน้มน้าวให้บริษัทมีการดำเนินการโครงการริเริ่มด้าน ESG
7. Sustainability-Themed Investing - การลงทุนภายใต้ธีมความยั่งยืน คือ จะเน้นการลงทุนตามเทรนด์ ESG แทนที่การคัดเลือกบริษัทหรือกลุ่มอุตสาหกรรมใดโดยเฉพาะ
ปัจจุบัน SCB CIO ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบผสมผสานกัน โดยนำประเด็น ESG มาอยู่ในทุกกระบวนการวิเคราะห์การลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนที่เฉพาะเจาะจงบนธีมที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนมากขึ้น
และหากเราไม่ใช่ผู้ลงทุนในสินทรัพย์นั้นเองโดยตรง ก็สามารถพิจารณาจากนโยบายของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ว่ามีการแสดงหลักการพิจารณาประเด็น ESG ไว้อย่างไร ตรงกับความต้องการของเราไหม ทั้งนี้การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน
แหล่งที่มา: Harvard Business School, Principles for Responsible Investment
#SCBWEALTH #SCBCIO #ESG #ลงทุนปี67